กคช.เดินหน้าต่อโครงการที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้า ได้ฤกษ์ลุยก่อสร้างโครงการ "The NHA Condo ประชานิเวศน์ 3" ตอบโจทย์กลุ่มคนผู้มีรายได้น้อย จ่อโครงการที่ 2 โซนลำลูกกา คลอง 2 เตรียมเสนอคณะกรรมการที่อยู่อาศัยแห่งชาติ จัดเก็บภาษีต่างชาติซื้อคอนโดฯ เก็บโครงการคอนโดฯที่ได้โบนัส FAR ดึงรายได้เสริมกองทุนฯ กคช. เพื่อปล่อยกู้ผู้มีรายได้น้อย ด้าน "อธิป พีชานนท์" ชี้อสังหาฯปี 62 ส่อทรุดหนัก แนะลดดอกเบี้ย บรรเทาบาทอ่อน

          ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้าว่า วานนี้ (1 ก.ค.) เป็นวันแรกที่ได้เริ่มวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างอาคาพักอาศัย โครงการแรก "The NHA Condo ประชานิเวศน์ 3 " ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับผู้มีรายได้น้อยและผู้มีรายได้ปานกลาง ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยใกล้เส้นทางรถไฟฟ้าในระดับราคาที่สามารถรับภาระได้ รูปแบบอาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้น จำนวน 4 อาคาร รวมทั้งสิ้น 556 หน่วย มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้นที่ 799,000-1,389,000 บาทต่อหน่วย ซึ่งตัวโครงการอยู่ในรัศมีของโครงการรถไฟฟ้า ก่อสร้างแล้วเสร็จ 16 เดือน

          "ปัจจุบันมียอดจองไปแล้ว 80% ราคามีการขยับขึ้นตามต้นทุน นอกจากนี้ ทางกคช.กำลังดำเนินโครงการที่ 2 แปลงที่ดินลำลูกกา คลอง 2 วงเงินลงทุนเกือบ 1,000 ล้านบาท"

          สำหรับกองทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ครม.อนุมัติ 5,200 ล้านบาท ขณะนี้ ได้รับจัดสรรมาแล้วจำนวน 1,500 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมแผนงาน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการสนับสนุนวงเงินให้กับผู้มีรายได้น้อยภายในต้นปีงบประมาณ 2563 (ต.ค.62-ก.ย.63)

          "เรากำลังทำแผนเสนอคณะกรรมการที่อยู่อาศัยแห่งชาติ ในการเก็บภาษีโควตาต่างชาติที่ซื้อห้องชุดในไทยไม่ว่าเป็นฟรีโฮลด์ หรือ ลิสโฮลด์ เนื่องจากได้ราคาอสังหาฯที่ถูก และเก็บตามโบนัส FAR เพื่อมาอุดหนุนกองทุนที่ กคช.ดูแลผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจะเป็นการสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้น และทำให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการและช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ในส่วนรายละเอียด อัตราการจัดเก็บ ยังจะต้องหารือกับหน่วยงานรัฐ"

          นายอธิป พีชานนท์ อุปนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร  กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 ว่า ปีนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ติดลบในทุกๆด้าน เนื่องมาจากปัจจัยทั้งเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ความไม่เชื่อมั่นในเรื่องภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทย ประกอบกับหนี้ ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวด โดยตลาดรวมจะติดลบ 15% แต่หากแยกประเภทแล้ว พบว่า อาคารชุดพักอาศัยจะติดลบ 15-20% ที่อยู่อาศัยแนวราบติดลบ 10%

          "หากลดดอกเบี้ยลง คาดว่าจะส่งผลให้เงินบาทของไทยอ่อนค่าลงได้ เนื่องจากผลตอบแทนในตลาดลดลง นักลงทุน จะหันไปมองตลาดอื่นแทน ส่งผลให้เงินบาทในระบบเพิ่มมากขึ้น"

          นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนายการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่าสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ย่านฝั่งธนบุรีบริเวณตลาดพลูวงเวียนใหญ่นั้นพบว่า ตั้งแต่ไอคอนสยามมาเปิดให้บริการนั้นสถานการณ์ดีขึ้น ทั้งการเปิดใหม่และความต้องการซื้อ โดยส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัย เนื่องจากอยู่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจ ทั้งสีลม สาทร และสุขุมวิท รวมทั้งอยู่ใกล้สถานศึกษา สำหรับโครงการที่ขายดีจะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าเป็นหลัก โดยราคา 50,000-100,000 บาทต่อตร.ม. อยู่ที่ 71% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด รองลงมาคือระดับราคา 110,000-150,000 บาทต่อตร.ม. อัตราการขายอยู่ที่ 61% ของจำนวยยูนิตรวม และระดับบน 150,000-200,000 บาทต่อตร.ม. อัตราขายอยู่ที่ 60% ของยูนิตรวม