"วิรไท"มั่นใจช่วยลดดีมานด์เทียม แก้ปัญหา สินเชื่อเงินทอน

          "แบงก์พาณิชย์" อ่วมเกณฑ์ "แอลทีวี" ฉุดสินเชื่อบ้านวูบ "ซีไอเอ็มบี" เผยยอดปล่อยใหม่เดือนเม.ย.ลดลงเกือบครึ่ง ขณะธอส. ลุยหารือแบงก์ชาติ หวังขอผ่อนปรน สำหรับแบงก์รัฐ ลั่นพันธกิจไม่เหมือนแบงก์พาณิชย์ หวั่นยอดปล่อยกู้ปีนี้ต่ำเป้า 6 หมื่นล้าน ด้าน "วิรไท" ย้ำมาตรการแอลทีวี เพื่อลดดีมานด์เทียม แก้ปัญหาสินเชื่อเงินทอน อย่างตรงจุด

          มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย(LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้เริ่มส่งผลกระทบ ต่อสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย โดยธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งยอมรับว่า สินเชื่อปล่อยใหม่ เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในเดือนเม.ย.ชะลอตัวลงชัดเจน

          ด้านนายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารอยู่ระหว่างปรับเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อปีนี้ลง จากปัจจุบันตั้งเป้าหมาย ปล่อยสินเชื่อใหม่ 24,000 ล้านบาท เนื่องจากหลังมาตรการ LTV มีผลบังคับใช้ ทำให้สินเชื่อปล่อยใหม่ของธนาคารลดลงชัดเจน

          นางสาวอรอนงค์ อุดมก้านตรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อยสายธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย กล่าวว่า เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มียอดสินเชื่อบ้านใหม่เข้ามาเพียง 1,000 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมี.ค. ที่ 2,000 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าบางส่วนเร่งซื้อไปในช่วงไตรมาสแรก และตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันมีสินเชื่อบ้านใหม่รวมประมาณ 8,000 -9,000ล้านบาท

          นางฉัตร์รวี จิรกุลเมธาพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ยอมรับว่า การปล่อย สินเชื่อบ้านของธอส.ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ลดลงเหลือ 9,000 ล้านบาท จากเดือนมี.ค. ที่สามารถปล่อยได้ 1.9 หมื่นล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย โดยผู้ซื้อบ้านต้องเพิ่มเงินดาวน์ 10-20% ทำให้ผู้ขอสินเชื่อตัดสินใจชะลอการยื่นกู้ ชะลอการซื้ออสังหาริมทรัพย์ไปก่อน เนื่องจากไม่มีค่าส่วนกลาง หรือเงินดาวน์เพียงพอ จึงมีการชะลอการปล่อยสินเชื่อ

          สำหรับที่ผ่านมา ธอส.ได้หารือกับกระทรวงการคลังเพื่อไปเจรจากับธปท.แล้ว ให้มีการผ่อนปรนมาตรการดังกล่าวเพื่อลดผลกระทบให้กับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ เนื่องจากพันธกิจของธนาคารรัฐ ไม่เหมือนกับธนาคารพาณิชย์

          ทั้งนี้ หากธปท. ไม่หาแนวทางในการช่วยเหลือจะกระทบต่อยอดการปล่อย สินเชื่อของธอส.ในปีนี้ 60,000 ล้านบาท จาก เป้าหมายสินเชื่อที่ตั้งไว้ 2.03แสนล้านบาท ในปีนี้

          นายสุรัตน์ลีลาทวีวัฒน์รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคาร กสิกรไทย กล่าวว่า หลังมาตรการ LTV มีผลบังคับใช้ ก็เริ่มเห็นสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยชะลอลงแต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะชะลอลงมาก-น้อยขนาดไหน ซึ่ง ก็ สอดคล้อง กับ จำนวน ยูนิต ของที่อยู่อาศัย ที่ลดลง ซึ่ง ก็ จะเป็ นผลดีที่จะ ทำให้ การซื้อที่อยู่ อาศัย เกิดจากความต้องการ ที่แท้จริง

          "แม้ว่าเราจะปล่อยกู้ในช่วงไตรมาสแรก ได้เกินกว่าเป้าหมาย แล้ว แต่ขณะนี้ เรายังไม่ได้ทบทวนเป้าหมาย คงต้องรอดูภาพรวมไปอีกระยะหนึ่ง และเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7% ก็ นับว่า สูงกว่าตลาดรวมที่คาดไว้ที่ 4.5%อยู่ แล้ว"

          นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธปท. กล่าวว่า การชะลอตัวของสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้ถือเป็นภาวะปกติ เนื่องจากมีการเร่งโอนที่อยู่อาศัยก่อนที่เกณฑ์ LTV จะมีผลบังคับใช้ และทำให้สินเชื่อขยายตัวได้ค่อนข้างดี ซึ่งเป็นไปตามที่ ธปท. ได้คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว โดยเกณฑ์ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อ ลดดีมานด์เทียม หรือสินเชื่อเงินทอดในภาคอสังหาริมทรัพย์ส่วนผลของมาตรการ LTV นั้น ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ ในขณะนี้ต้องรอให้มาตรการดังกล่าว ผ่านไประยะหนึ่งก่อน หลังจากนั้น ธปท. จึงจะนำมาทบทวนว่า จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนมาตรการใดๆ หรือไม่