อสังหาแย่แล้วติดลบหัวทิ่ม
Loading

อสังหาแย่แล้วติดลบหัวทิ่ม

วันที่ : 17 พฤษภาคม 2562
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยในงานวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และพระนครศรีอยุธยา-สระบุรี ปี 62 ว่า ภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้จะติดลบจากปีก่อน โดยประเมินว่าตลอดปีจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ประมาณ 335,000 แสนหน่วย ลดลง 7.7% จากปีก่อนที่มีการโอน 363,000 หน่วย
          พิษคุมสินเชื่อศก.ชะลอ จธปท.ทบทวนมาตรการ

          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยในงานวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และพระนครศรีอยุธยา-สระบุรี ปี 62 ว่า ภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้จะติดลบจากปีก่อน โดยประเมินว่าตลอดปีจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ประมาณ 335,000 แสนหน่วย ลดลง 7.7% จากปีก่อนที่มีการโอน 363,000 หน่วย

          "การชะลอตัวของภาคอสังหาฯ มีสาเหตุจากมาตรการคุมสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อช่วงเดือน เม.ย. 62 ประกอบกับปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวลง กำลังซื้อที่มีไม่มาก ทำให้ผู้บริโภคไม่มั่นใจในการเป็นหนี้ผูกพันระยะยาว ส่วนมาตรการอสังหาริมทรัพย์ ที่ภาครัฐออกมา 2 มาตรการก็ช่วยตลาดได้ระดับหนึ่ง เพราะแต่เดิมหากไม่มีมาตรการออกมาทั้งธุรกิจอาจติดลบถึง 15.6%"

          อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ภาครัฐออกมาก็ยังมีข้อจำกัด เช่น การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่เกินปีละ 200,000 บาท อาจช่วยได้เฉพาะผู้มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อเดือน แต่ผู้มีรายได้น้อยซึ่งไม่อยู่ในฐานภาษีจะไม่เข้าข่ายได้รับสิทธิ ส่วนมาตรการลดค่าโอน ค่าจดจำนองสำหรับบ้านราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทให้เหลือ 0.01% ก็อาจช่วยไม่มาก เพราะมีบ้านใหม่ในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่พร้อมโอนแค่ 1,000 หน่วย แต่หากเป็นบ้านมือสอง 10,000 ยูนิต ก็ช่วยกระตุ้นได้พอสมควร

          นายวิชัยกล่าวว่า สภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้ยังอยู่ในภาวะฝืดตัว ไม่ได้มีการเก็งกำไรจนเกิดฟองสบู่จึงไม่จำเป็นต้องกังวล โดยเฉพาะในส่วนที่อยู่อาศัยที่เป็นบ้านจัดสรรยังพบว่ามีความต้องการซื้อเพื่อเข้า อยู่จริงอยู่ในระดับสูง รวมถึงที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 1-2 ล้านบาท ก็ยังมีความต้องการซื้อที่แท้จริงอยู่ จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาดนี้

          นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจล้านจัดสรร กล่าวว่า ภาพรวมการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ จะติดลบ 10-15% เนื่องจากฐานการเติบโตของปี 61 สูง และโครงการเกิดใหม่มีน้อย ส่วนมาตรการควบคุมสินเชื่อของธปท.ก็ทำให้ผู้ประกอบการระมัดระวัง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมเกิดใหม่ที่ลดลงถึง 30% ส่วนบ้านเดี่ยวชะลอเล็กน้อย โดยเชื่อว่าหลังจากนี้ทางการน่าจะมีการประเมินผลของมาตรการและปรับเปลี่ยนให้เข้ากับภาพรวมของธุรกิจมากขึ้น

          นายวสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นอสังหาฯของภาครัฐช่วยกระตุ้นบรรยากาศได้บ้าง แต่ไม่เยอะ เพราะปัจจุบันที่อยู่อาศัยมูลค่าดังกล่าวในตลาดมีไม่มาก หากภาครัฐต้องการให้เกิดประโยชน์จริงควรจะเน้นการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากกว่า เนื่องจากปัจจุบันพบว่ามียอดปฏิเสธสินเชื่อที่สูงถึง 30% ขณะเดียวกัน อยากเสนอให้ภาครัฐพิจารณามาตรการเกี่ยวกับเครดิตบูโร ด้วยการคัดรายชื่อที่เครดิตบูโรเก็บไว้ 3 ปีออกมา และลดการจัดเก็บชื่อแค่ 1 ปีเท่านั้น เพื่อให้คนมีโอกาสเข้ามากู้ซื้อบ้านได้เพิ่ม

          นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า 2 มาตรการอสังหาริมทรัพย์ที่ออก ยังไม่ตอบโจทย์กับธุรกิจโดยรวม โดยเฉพาะบ้านราคา 1 ล้านบาทที่มีในตลาดไม่มาก แต่หากรัฐบาลใหม่เข้ามา และยังเป็นหน้าเดิมก็อยากให้สานต่อมาตรการบ้านบีโอไอ ซึ่งอาจขยับราคาบ้านให้เพิ่มสูงขึ้นจากเดิม เพื่อจูงใจผู้ประกอบการเข้ามาสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ