"ฟินิกซ์" ชี้ตลาดอสังหาฯ Q2 ยังทรงตัว ผู้ประกอบการอสังหาฯชะลอเปิดตัวโครงการใหม่รอประเมินผลกระทบ LTV ก่อนปรับตัว เผยดีมานด์ต่างชาติขยายตัวดี ห้องชุดไม่เกิน 3 ล้านบาท ตลาดหลักลูกค้าจีน แย้มพฤติกรรมลูกค้าต่างชาติเปลี่ยน หันซื้อห้องชุดตรงกลับผู้ประกอบการ หลังจากมีข้อมูลและเข้าใจตลาดอสังหาฯ ไทยมากขึ้น ขณะเจ้าของโครงการให้น้ำหนักตลาดต่างชาติ เจาะลูกค้าโดยตรงลดการขายผ่านเอเจนซี เชื่อ หลังตั้งรัฐบาลใหม่แล้วอสังหาฯคึกคัก

          นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสที่ 2 ว่า ในไตรมาสนี้ตลาดอสังหาฯค่อนข้างเงียบ แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการเปิดตัวโครงการใหม่บ้าง แต่จำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทำให้ในไตรมาสที่ 2 นี้ ตลาดโดยรวมยังทรงตัว ต่อเนื่องจากไตรมาสแรก โดยคาดว่าในไตรมาสที่ 2 จะมีจำนวนยูนิตที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ประมาณ 8,000 ยูนิตเศษ

          ทั้งนี้ หากมองในแง่ดีมานด์ที่อยู่อาศัยเชื่อว่า ความต้องการบ้านอยู่ที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยดีมานด์ในตลาด ณ ปัจจุบันยังมีปริมาณเท่าๆ กับซัพพลาย เพียงแต่การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคยังชะลอตัวอยู่ เพราะต้องการเก็บเงินไว้ใช้ในสถานการณ์จำเป็น ขณะที่ในส่วนของซัพพลายนั้น ยังมีการชะลอการเปิดตัวออกไปบ้าง เนื่องจากบริษัทอสังหาฯรอดูผลตอบรับจากมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือแอลทีวี ที่ธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมาว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างไร ก่อนจะปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ตลาดในช่วงที่เหลืออยู่ของปีนี้

          ส่วนดีมานด์จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีน ยังคงมีการขยายตัวดีต่อเนื่อง สังเกตได้จากความคึกคักของตลาดท่องเที่ยวที่ยังคงมีการขยายตัวของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เพียงแต่นับจากนี้ไปกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาฯโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมจะใช้เวลาในการตัดสินใจมากขึ้น และในการซื้อคอนโดฯนั้น จะเริ่มเป็นการซื้อในรูปแบบซื้อโดยตรงระหว่างลูกค้ากับผู้ประกอบการ โดยไม่ผ่านเอเจนซีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันผู้ประกอบการอสังหาฯ มีการขยายตลาดจับลูกค้าต่างชาติที่ชัดเจน โดยมีการเปิดสำนักงานขายในกลุ่มประเทศเป้าหมาย และมีการขยายสาขาออฟฟิศไปในตลาดใหม่ๆ ซึ่งเป็นการทำตลาดโดยไม่ผ่านเอเจนซี ทำให้กลุ่มลูกค้าต่างชาติมีทางเลือกมากขึ้นและเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่าเดิม

          นอกจากนี้ ยังมีการทำตลาดผ่านโซเชียล มีเดียและเว็บไซต์ของผู้ประกอบการอสังหาฯ ซึ่งให้ข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษทำให้ลูกค้าต่างชาติสามารถเข้าถึงข้อมูล ทั้งในด้านทำเลที่ตั้งโครงการ รูปแบบโครงการ ขนาดห้องชุด รวมถึงราคาขาย และแคมเปญต่างๆ ที่จัดขึ้น ลูกค้ารับรู้และเข้าใจตลาดอสังหาฯ ในประเทศไทยมากขึ้น ช่วยให้กลุ่มลูกค้าต่างชาติมีข้อมูลในการเลือกซื้อและมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ส่วนใหญ่มีการซื้อห้องชุดผ่านเอเจนซีก็เริ่มศึกษาข้อมูลและตัดสินใจเลือกซื้อโดยตรงกับผู้ประกอบการ

          สำหรับ กลุ่มห้องชุดที่ลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนให้ความสนใจคือกลุ่มห้องชุดระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เนื่องจากรัฐบาลจีนมีมาตรการควบคุมการนำเงินออกนอกประเทศของคนจีน โดยกำหนดว่าห้าม นำเงินออกนอกประเทศเกิน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.5 ล้านบาทต่อปี ทำให้นักลงทุนจากจีนมีข้อจำกัดในการนำเงินไปซื้ออสังหาฯ ลงทุนในต่างประเทศ ดังนั้น ระดับราคา 3 ล้านบาทต่อหนึ่งห้องชุด นั้นถือว่าสอดรับกับปริมาณเงินที่สามารถนำมาซื้อห้องชุดในประเทศไทย

          นายสุรเชษฐ กล่าวถึงปัจจัยด้านการเมืองที่มีผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯว่า การเมืองเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อความ เชื่อมั่นของผู้พัฒนาอสังหฯ นักลงทุนและผู้บริโภค ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯยังชะลอดูสถานการณ์ด้านการเมืองก่อนปรับตัวและตัดสินใจลงทุนอีกครั้ง ทั้งนี้ เชื่อว่าหากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้วเสร็จ ภายใต้เงื่อนไขไม่มีสถานการณ์ความไม่สงบและเกิดขึ้น ตลาด อสังหาฯ จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ไม่ว่ารัฐบาลใหม่ที่เข้ามาจะเป็นรัฐบาลจากพรรคไหนก็ตาม สังเกตได้จากในช่วง 5 ที่ผ่านมาแม้ว่ารัฐบาล คสช.จะเป็นรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่เนื่องจากประเทศมีความสงบไม่มีปัญหาความ ขัดแย้งความรุนแรง เศรษฐกิจโดยรวมและการลงทุนยังมีการขยายตัวและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคธุรกิจส่งออกและธุรกิจท่องเที่ยว