ประทีป เปิดยุทธการ ศุภาลัย หลบกรุงเทพฯยึดหัวหาดภูธร
Loading

ประทีป เปิดยุทธการ ศุภาลัย หลบกรุงเทพฯยึดหัวหาดภูธร

วันที่ : 13 มีนาคม 2562
สมรภูมิอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัด เป็นโจทย์โหดและหินต่อยักษ์อสังหาฯระดับประเทศ หลายรายที่ก้าวไปผุดโครงการในหัวเมืองใหญ่ภูธร เป็นอันต้องถอยทัพ !!
          สมรภูมิอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัด เป็นโจทย์โหดและหินต่อยักษ์อสังหาฯระดับประเทศ หลายรายที่ก้าวไปผุดโครงการในหัวเมืองใหญ่ภูธร เป็นอันต้องถอยทัพ !!

          ทว่าสำหรับ ศุภาลัย อีกบิ๊กเนมอสังหาฯ กลับกล้าประกาศตัวเป็น "ผู้นำลุยปักธง อสังหาฯภูธร" ตามแผนผุด 80 โครงการในปีนี้ หรือมากกว่าครึ่งหนึ่ง จากแผนพัฒนาโครงการในปีนี้ทั่วประเทศทั้งสิ้น 150 โครงการ ถือเป็น นักอสังหาฯจากส่วนกลาง ที่บุกตลาดภูธร มากที่สุดก็ว่าได้ วัดจากยอดขายโครงการ ต่างจังหวัดที่มีสัดส่วนราว 26% ของยอดขายรวม ที่ 33,343 ล้านบาท

          ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เผยมุมมองต่อการพัฒนาธุรกิจอสังหาฯภูธรว่า ได้ปักธงมานานกว่า 30 ปี เริ่มต้นที่ จ.สงขลา โดยเปิดตัวธุรกิจก่อนจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในปี 2532

          เขาระบุว่า ยิ่งภาพรวมอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เข้าสู่ภาวะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับยุคเฟื่องฟูตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ยิ่งเป็น"ตัวเร่ง"ให้เขามองหา "น่านน้ำใหม่"ในตลาดภูธรมากขึ้น

          โดยในปีนี้ ศุภาลัยตั้งเป้าเพิ่มยอดขาย จากต่างจังหวัดสัดส่วน 27% จากยอดขายรวม 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 24% และคอนโด 3%และคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 30% ของยอดขายทั้งกลุ่มธุรกิจภายใน 2-3 ปีจากนี้

          "ในกรุงเทพฯและปริมณฑลเรายังเติบโต แต่ในช่วงนี้ที่ดินในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ราคาสูง แต่ที่ดินในต่างจังหวัดหาง่ายและราคายังต่ำ จึงเข้าไปรุกในต่างจังหวัดมากขึ้น "

          ประทีป ให้รายละเอียดว่า เตรียมลุยเปิดตัวโครงการสู่หัวเมืองภูมิภาคเต็มที่ ในปีนี้ โดยซื้อที่ดินในมือไว้แล้ว 20 จังหวัด กระจายการลงทุนโครงการไปใน15 จังหวัด เช่น เชียงราย, เชียงใหม่, พิษณุโลก, อุดรธานี, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, นครราชสีมา, ชลบุรี, ระยอง, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ภูเก็ต, สงขลา และอยุธยา รวมถึงกลุ่ม 5 จังหวัด ในปริมณฑล

          "มีหลายจังหวัดที่เตรียมเข้าไปซื้อที่ดินสะสม เพื่อรอการพัฒนา เพราะเห็นโอกาส ในจังหวัดที่เป็นเมืองรอง ซึ่งอาจจะเข้าไปพัฒนาพื้นที่ในปี 2563 ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา, ลำพูน, ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี"

          ประทีป ยังเล่าถึงกลยุทธ์การรุกเข้าไปในต่างจังหวัดว่า ต้องเริ่มต้นจากการหาที่ดินราคาเหมาะสม ทำเลดี การคมนาคมสะดวก ไม่ว่าจะขนส่งทางบก หรือทางอากาศ มี ห้างสรรพสินค้าสะท้อนว่ามีดีมานด์ รวมไปถึง มีย่านมหาวิทยาลัย และการลงทุน สะท้อน ถึงความต้องการที่พักอาศัยของคนต่างชาติ และมาจากต่างถิ่น

          เมื่อองค์ประกอบพร้อมจึงลุย !!!ตั้งแต่การก่อสร้าง การออกแบบและการตลาดให้ตอบโจทย์ คนที่ต้องการพักอาศัยทั้งใน ท้องถิ่น และความต้องการใหม่ๆ เช่น จังหวัดที่กำลังเติบโตในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

          "พัฒนาคอนโดในต่างจังหวัดจะต้องมีอย่างน้อย 3 โครงการจึงคุ้มกับเงินลงทุนที่ลงไป (Economy of scale) แต่รายอื่น เข้าไปโครงการเดียว เมื่อขายได้น้อย ก็ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน จึงไม่เพิ่มการลงทุน ในต่างจังหวัด นอกจากนี้ยังต้องกระจายการลงทุนไปทุกทิศที่มีศักยภาพ และ ทุกโครงการโดยประเมินผลตอบรับ ทุกเดือน"

          ราชัย ปิยะวาจานุสรณ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายโครงการภูมิภาค 1 บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ผู้ดูแลตลาดภาคเหนือและอีสานตอนบน กล่าวว่า ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์  ในปี 2561 พบว่า 4 จังหวัดที่มีการลงทุนด้านอสังหาฯสูงสุดใน ภาคเหนือ ประกอบด้วย เชียงใหม่, เชียงราย, พิษณุโลก และตาก รวมทั้งสิ้น 38,490 หน่วย มูลค่ารวม 135,300 ล้านบาท มีซัพพลายเหลือขายในตลาด 12,616 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 45,402 ล้านบาท สำหรับศุภาลัยเริ่มต้นลงทุนจ.เชียงใหม่ ในปี 2553 เป็นแห่งแรกของภาคเหนือจนถึงปัจจุบันกว่า 9 ปี มีโครงการรวม 11 โครงการ รวมมูลค่า 9,300 ล้านบาท ซึ่งในเชียงใหม่เริ่มแข่งขันสูง จึงขยายไปจังหวัดที่เป็นเมืองรองแต่มีศักยภาพที่จะเป็น เมืองหลักคือ เชียงราย เป็นต้น

          ศุภาลัยมีแผนพัฒนาในจ.เชียงราย 4 โครงการในที่ดิน 2 แปลง มูลค่า 5,000 ล้านบาท เปิดตัวไป 1 โครงการตั้งแต่ปลายปี 2561 คือ "โครงการศุภาลัย พาร์ควิลล์" และมีแผนจะเปิดตัวอีก 3 โครงการ ในปีนี้

          สำหรับคู่แข่งในเชียงราย มีรายใหญ่ระดับ ประเทศเข้ามาปักหมุด 5 ราย ประกอบด้วย แสนสิริ, ซี.พี.แลนด์, คิวเฮาส์, โกลเด้น แลนด์ และ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ นอกจากนี้ยังมี นักพัฒนาระดับท้องถิ่นอีกกว่า 20 ราย

          เชียงรายถือเป็นจังหวัดที่มีการรุกเข้าไปเริ่มพัฒนาโครงการขยายตัว มากขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ เมื่อพิจารณาจากซัพพลายในตลาด บ้านเดี่ยวมีจำนวน 4,000 ยูนิต เหลือขาย 1,600 ยูนิต ขณะที่คอนโดเปิดตัวจำนวน 1,000 ยูนิต เหลือเพียง 77 ยูนิต ถือว่ามีอัตราความต้องการในตลาดสูง
 
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ