เออเบิ้ลปรับโหมด บุกตลาดไซส์เล็ก
Loading

เออเบิ้ลปรับโหมด บุกตลาดไซส์เล็ก

วันที่ : 12 มีนาคม 2562
โค้งสุดท้ายของไตรมาสแรก ปี 2562 บรรดาผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กเนมในตลาดหลักทรัพย์หรือดีเวลลอปเปอร์ขนาดกลางและเล็กต่างหงายไพ่เปิดแผนสู้ศึกในปีนี้ เรียกว่าแม้จะมีความระมัดระวังในการพัฒนาโครงการ แต่ด้วยจำนวนโครงการและมูลค่าแล้วแต่ละค่ายไม่ได้น้อยไปกว่าในปีที่ผ่านๆ มา
          อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

          เออเบิ้ลบุกไซส์เล็ก

          เปิดเกมบุกตลาด ทั้งแนวราบ-สูง ระบุ กำลังซื้อเรียลดีมานด์โตดี ขณะที่คอนโดขนาดใหญ่เหนื่อยต้อง พึ่งพาลูกค้ากลุ่มคนจีน

          โค้งสุดท้ายของไตรมาสแรก ปี 2562 บรรดาผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กเนมในตลาดหลักทรัพย์หรือดีเวลลอปเปอร์ขนาดกลางและเล็กต่างหงายไพ่เปิดแผนสู้ศึกในปีนี้ เรียกว่าแม้จะมีความระมัดระวังในการพัฒนาโครงการ แต่ด้วยจำนวนโครงการและมูลค่าแล้วแต่ละค่ายไม่ได้น้อยไปกว่าในปีที่ผ่านๆ มา

          ทั้งนี้ หากพิจารณาจะพบว่า ผู้พัฒนาโครงการแนวสูงต่างหันมารุกตลาดในแนวราบถือว่าอาจเป็น ปีแรกในรอบหลายๆ ปีที่ตลาดแนวราบโดยเฉพาะในต่างจังหวัดจะแซงหน้าตลาดคอนโดมิเนียม เนื่องจากสินค้าคงค้างยังมีอยู่มาก ที่สำคัญคือเพื่อกระจายความเสี่ยงในธุรกิจ

          สมภพ วาณิชเสนี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เออเบิ้ล พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า ตลาดคอนโดในบางทำเลยังมีสินค้าอยู่มากโดยส่วนใหญ่พัฒนาเป็นโครงการขนาดใหญ่มีจำนวนยูนิตมากซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียซึ่งต้องยอมรับว่า หากโครงการที่ไม่โดดเด่นทำเลไม่โดนใจจะเหนื่อยและต้องพึงพาสัดส่วนนักลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดหลักคือจีน

          อย่างไรก็ดี ขณะนี้เริ่มเห็นการชะลอการซื้อหรือเลือกพิจารณาการซื้อกันมากขึ้น เพราะมีสินค้าให้เปรียบเทียบอยู่มาก ขณะเดียวกันกลุ่มคนจีนเองก็มีปัญหาเรื่องของข้อจำกัดในการเอาเงินออกนอกประเทศเพื่อซื้ออสังหาฯ โดยในส่วนของบริษัทยังไม่เห็นการยกเลิกการโอนกรรมสิทธิ์จากลูกค้าคนจีน ขณะที่ยอดปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทมีสัดส่วนน้อย คือ ถ้าเป็นคอนโดในเมืองอยู่ราว 10% แต่ถ้าเป็นคอนโดรอบนอกจะอยู่ที่ 30%

          ในส่วนตลาดแนวราบนั้น มองว่าแม้มีผู้เล่นรายใหญ่หันมาทำตลาดนี้กันมากในปีนี้ก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาแล้วพบว่าเซ็กเมนต์สินค้ามีความแตกต่างกัน โดยในส่วนของบริษัทเองก็จะเน้นพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งคุณภาพในราคาที่บริโภคจับต้องได้ ซึ้งระดับราคา 1.5 ล้านบาท/ยูนิต โครงการทั่วไปจะไม่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางมากนักและผู้ซื้อเองก็ไม่ต้องการเสียค่าส่วนกลางเกินความจำเป็น ดังนั้นบริษัทจะมีส่วนช่วยรับภาระค่าใช้จ่ายบางส่วนของค่าใช้จ่ายส่วนกลางเป็นเวลา 1-5 ปี เป็นต้น

          สำหรับแผนงานปีนี้ บริษัทเตรียมเปิด 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,000-1,200 ล้านบาท ได้แก่ คอนโดแบรนด์แอตติจูด 2 ทำเล คือ ทำเลย่านเสนา ซึ่งเป็น โปรเจกต์แรกในย่านนี้พัฒนาเป็นอาคารโลว์ไรส์ 130 ยูนิต มูลค่าโครงการ 350 ล้านบาท ราคาขาย 1.9-4 ล้านบาท คาดเปิดตัวในไตรมาส 2 ปีนี้

          ส่วนอีกโครงการเป็นคอนโด โลว์ไรส์ทำเลลาซาล 12 พัฒนาจำนวน 140 ยูนิต มูลค่า 330-350 ล้านบาท ราคาขาย 1.6 ล้านบาท กำหนดเปิดตัวราวไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3 ปีนี้

          นอกจากนี้ จะมีการเปิดตัวโครงการแนวราบที่ย่านคลอง 7 รังสิต เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น บนพื้นที่โครงการ 18 ไร่ กว่า 200 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 360 ล้านบาท ซึ่งเป็นการหันมารุกตลาดแนวราบในรอบหลายปี ทั้งนี้ที่ดินดังกล่าวบริษัทได้ ซื้อมาเมื่อ 2 ปีที่แล้วราคาไร่ละ 2 ล้าน บาท ปัจจุบันมีบอกขายไร่ละ 3-3.5 ล้านบาท คาดจะเปิดตัวได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้

          สมภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุด บริษัทได้เตรียมเปิดตัวโครงการแซฟวี่ พหล 2 (SAVVI PHAHOL2) ทำเลซอยพหลโยธิน 2 ซึ่งคอนโดโลว์ไรส์สูง 7 ชั้น จำนวน 62 ยูนิต เน้นความเป็นส่วนตัวสูง ขนาด 1 ห้องนอน-ขนาดดูเพล็กซ์ ขนาดเริ่มต้น 29.53-152.67 ตารางเมตร (ตร.ม.) มีที่จอดรถประมาณ 84% ของพื้นที่

          ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นแผนในปีที่แล้วแต่เปิดตัวในปีนี้ โดยบริษัทเตรียมจัดงานโอเพ่นเฮาส์ในวันที่ 16-17 มี.ค. 2562 ขายเริ่มต้นเพียง 1.25 แสนบาท/ตร.ม. หรือราคาเฉลี่ยที่ 1.35 แสนบาท/ตร.ม. ซึ่งจะเปิดขายเพียง 70% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด ตั้งเป้าขาย วันงานเพียง 20% เพราะขณะนี้มียอดลงทะเบียนแล้วกว่า 50 ราย กำหนดจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณช่วงไตรมาสแรกของปี 2564

          อย่างไรก็ตาม แซฟวี่ พหล 2 เป็น การต่อยอดความสำเร็จจากโครงการ แซฟวี่ พหล-อารีย์ ที่ขายหมดไปแล้ว สำหรับแบรนด์แซฟวี่ถูกออกแบบให้มีความแตกต่างเน้นการสร้างบรรยากาศผสมผสานธรรมชาติกับสถาปัตยกรรมเพื่อการใช้ชีวิตเมืองที่ลงตัว ระดับราคา 1.2-1.6 แสนบาท/ตร.ม. หรือ 3-10 ล้านบาท ซึ่งเหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง

          สำหรับปีนี้บริษัทจะเน้นสร้างแบรนด์ทั้งแซฟวี่ และแบรนด์แอตติจูดให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมพัฒนาโครงการที่จำนวนยูนิตไม่มากจบภายในปีครึ่งถึงสองปี อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีแลนด์แบงก์ในพัทยาอีก 2 แปลง รวม 8 ไร่ ซึ่งจะเป็นแผนพัฒนาในปีหน้า ในส่วนของปีนี้ตั้งเป้ายอดขายราว 1,000 ล้านบาท และรายได้ที่ 500 ล้านบาท ปัจจุบันมีแบ็กล็อกราว 1,100 ล้านบาท
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ