"เอพี"กางแผนรุก ดิจิทัล ส่ง 3 ธุรกิจใหม่ดาวรุ่ง แจ้งเกิดธุรกิจบริการ หนุนรายได้ธุรกิจอสังหาฯ โตก้าวกระโดดแตะ6หมื่นล้านในปี65

          นายอนุพงษ์ อัศวโภคิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปีนี้ หลังรายได้ในปีที่ผ่านมาเติบโต 30% และมียอดขายรวมอยู่ที่ 41,300 ล้านบาทเติบโต 15% ส่งผลให้เอพี ไทยแลนด์ ขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีรายได้สูงสุดในไทย

          โดยในปี 2562 จะเป็นปีที่รุกต่อเนื่อง เพื่อวางรากฐานไปสู่การวางแผนการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตแข็งแกร่ง และเพื่อป้องกันการที่ธุรกิจใหม่เข้ามาแทนที่ในตลาดใน วันข้างหน้า จึงต้องพัฒนากลยุทธ์การดำเนินงานใหม่ๆพร้อมกับแสวงหาโอกาสการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ในยุคเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท และธุรกิจใหม่เข้ามาเป็นผู้เล่นชิงพื้นที่ในตลาดจำนวนมาก

          ทั้งนี้ จึงได้เริ่มลงทุนพัฒนาธุรกิจใหม่ โดยนำความท้าทายคิดกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ 3 ด้าน คือ 1.นำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างคุณภาพชีวิตลูกค้าให้ดีขึ้น 2.พัฒนานวัตกรรมให้สอดคล้องกับความต้องการผู้บริโภคที่อาจยังไม่ถูกค้นพบในสังคม และ 3.พัฒนาความรู้คนองค์กรและคนในสังคมให้ก้าวทันกระแสธุรกิจใหม่เข้ามาแทนที่ (Disruption)

          โดยแผน 3 ปี(ปี 2559-2561) ตั้งเป้าลงทุน 1,000 ล้านบาท ลงทุนใน3 ธุรกิจ ที่เข้ามาสนับสนุนธุรกิจอสังหาฯ พร้อมกับสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่ ที่จะสามารถสร้าง รายได้ในธุรกิจในเครือ มูลค่า 6,000 ล้านบาท มีสัดส่วน 10% ของรายได้รวมเครือที่วางเป้าหมาย ไว้ที่ 60,000 ล้านบาท ภายใน 4 ปี หรือ ในปี2565

          เขากล่าวยังว่า แผนธุรกิจในวันข้างหน้ายังคงรักษาการเติบโตของธุรกิจอสังหาฯ ต่อไป เพราะแนวโน้มตลาดยังคงเติบโตต่อเนื่องไปอีก 4-5 ปี จากการลงทุนภาครัฐในด้านโครงสร้างพื้นฐาน

          แต่ขณะเดียวกันก็ต้องพัฒนาธุรกิจให้สอดคล้องกับ วิสัยทัศน์ ที่พัฒนาแนวคิด สร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี  จึงเปิดตัว บริษัทลูก 3 ธุรกิจใหม่ คือ "วาริ" ธุรกิจ ที่สร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนการบริหารจัดการคุณภาพชีวิต, "เคลย์มอร์" ธุรกิจพัฒนานวัตกรรมดีไซน์ ตอบโจทย์ความต้องการที่ยังไม่เคยถูกค้นพบในสังคม และ "เอสอีเอซี" (SEAC) ศูนย์พัฒนา และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต แห่งอาเซียน และการปรับวิธีการ เรียนรู้ของคนในองค์กรและคน ในสังคม

          "3 ธุรกิจ จะเข้ามาสนับสนุนธุรกิจอสังหาฯเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลกและยั่งยืน ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด และไม่จำกัดตัวเองเพียงพัฒนาสินค้าแต่รวมไปถึงการบริการ"

          สำหรับปี 2562 บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการจำนวน 39 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 56,800 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวสูง 5 โครงการ มูลค่า 22,400 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นโครงการ ร่วมทุน 3 โครงการ และโครงการ แนวราบ 34 โครงการ มูลค่ารวม 34,400 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินอยู่ที่ 9,500 ล้านบาท และตั้งเป้ามียอดขายรวม เติบโต 5-10% รายได้โต 15%

          อย่างไรก็ตามในส่วนของบริษัทในเครือทั้งสองบริษัทจะเดินหน้าขยายขอบเขตการให้บริการเพื่อเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องอีกด้วย