LPN ตั้งเป้ายอดขายปี 2562 ที่ 2 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ 16 แห่ง มูลค่า 1.65 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท พร้อมวางงบซื้อที่ดิน 4 พันล้านบาท มองตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังทรงตัว คาด Q1/2562 ยอดขายยังดี จากดีมานด์เร่งตัวก่อนเกณฑ์ LTV แต่เชื่อ Q4/2562 ยอดขายจะกลับมาดีสุด โบรกมองราคาหุ้นทยอยฟื้นตัว เคาะเป้า 8.70 บาท

          นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2562 ที่ 2 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ 1.14 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทจะเปิดขายโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่า 1.65 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจำนวน 10 โครงการ มูลค่า 8 พันล้านบาท และอีก 6 โครงการเป็นโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่าราว 8 พันล้านบาท พร้อมกันนี้ยังมีสต๊อกเหลือขายมากกว่า 5 พันล้านบาท

          ยอดขายยังเติบโตพร้อมกันนี้บริษัทคาดว่ายอดขายไตรมาส 1/2562 จะมีแนวโน้มที่ดีจากการที่ลูกค้าจะเร่งซื้อบ้าน ก่อนมาตรการ LTV จะบังคับใช้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้ยอดขายไตรมาส 2 และไตรมาส 3 อาจจะมีการปรับฐานบ้าง แต่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส4/2562 ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งปีอาจจะทรงตัว ตลาดคอนโดมิเนียมจะไม่ได้คึกคักมากนัก แต่ตลาดแนวราบยังมีดีมานต์อย่างต่อเนื่องและอัตราการปฎิเสธสินเชื่อไม่สูงเมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียม

          ขณะที่รายได้บริษัทตั้งเป้า 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมาจากการรับรู้ยอดขายรอโอน (Backlog) ในมือ และมาจากการขายโครงการใหม่

          พร้อมกันนี้บริษัทยังวางงบประมาณสำหรับการซื้อที่ดินไว้ 4 พันล้านบาท โดยการเปิดโครงการปีนี้มีที่ดินรองรับไว้บางส่วนแล้ว และจะทยอยซื้อที่ดินรองรับการเปิดโครงการต่อเนื่อง แต่การเปิดโครงการใหม่ อาจจะเน้นไปเป็นการเปิดโครงการบ้านเพราะขณะนี้ซัพพลายคอนโดมิเนียมมีจำนวนมาก

          ด้านบริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ทางบริษัทตั้งเป้าจองปี2562 ที่ 1.65 หมื่นล้านบาท เติบโต 6%  ทางบริษัทได้เพิ่มพอร์ตแนวราบ และคอนโดมิเนียม สำนักงาน เพื่อลดความเสียงธุรกิจ เพราะทางบริษัทมีมุมมองลบต่อตลาดคอนโดมิเนียมขณะเดียวกัน ทางบริษัทตั้งเป้าโอนปีนี้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ 9 พันล้านบาท และ แนวราบ 3 พันล้านบาท

          ทั้งนี้ ทางคาดหมายโครงการแนวราบ ที่ขายและโอนได้ใน 3-6 เดือน ในเบื้องต้น ทางบริษัทยังไม่เปิดเผยรายละเอียดการเปิดโครงการ ทางฝ่ายจึงประเมินยอดโอนที่ 1.08 หมื่นล้านบาท เติบโต 8% จาก Backlog ที่ยกมาโอนปีนี้ ราว 8 พันล้านบาท และ การขายสต๊อกคอนโดพร้อมโอน 1.5 พันล้านบาท และการขายโครงการแนวราบที่โอนทันปีนี้ 500 ล้านบาท ขณะที่ Margin ปีนี้คงไม่มี Upside เพราะ Margin บ้าน 365 ยังไม่สูง แต่คาดว่ารายได้อื่นและการบริหารรายจ่ายน่าจะทำให้มี Net Margin สูงขึ้นเล็กน้อย คาดกำไร 1.5 พันล้านบาท เพิ่ม 11% คาดเงินปันผล 0.60 บาท

          อย่างไรก็ดีราคาหุ้นต่ำมากขณะที่ ค่อยๆ เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้น ทางฝ่ายมองบวกต่อการปรับกลยุทธ์ของบริษัทในการเข้าตลาดแนวราบมากขึ้น และการหาแนวทางใหม่ในการขายโครงการคอนโดเช่น คอนโดสำนักงาน ขณะที่แนวโน้มกำไรปีนี้มีความเป็นไปได้ ณ ราคาล่าสุดซื้อขาย 5-6 เท่า P/E-2562 และมี Yield 5% และ 9% สำหรับครึ่งปีหลังปี 2561และ 2562 ทางฝ่ายคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาพื้นฐานใหม่ 8.70 บาท อิง 8 เท่า P/E-2562 ซึ่งให้ส่วนลดจากค่าเฉลี่ย P/E ในอดีตที่ 9 เท่า เพราะภาพรวมตลาดคอนโดมีปัจจัยกดดันจากมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย