เศรษฐกิจจีนชะลอ ฉุด สินเชื่อบ้าน
Loading

เศรษฐกิจจีนชะลอ ฉุด สินเชื่อบ้าน

วันที่ : 4 กุมภาพันธ์ 2562
"กสิกรไทย" คาดสินเชื่อบ้าน ปีนี้ไม่สดใส หรือเติบโตเพียง 6-7% จากปีก่อนโต 12% ชี้ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบ จากเศรษฐกิจจีนชะลอ กระทบยอดซื้อ เพื่อปล่อยเช่าหรือขายต่อให้คนจีน ส่วนมาตรการธปท.มีผลทำให้ผู้ซื้อบ้านสัญญาที่ 2-3 ชะลอการซื้อบ้าน หลังภาระเพิ่มขึ้น
นางสาวขัตติยา  อินทรวิชัย  กรรมการ ผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)  (KBANK)  กล่าวว่า แนวโน้มสินเชื่อที่อยู่อาศัย ปีนี้ น่าจะเติบโตน้อยกว่าปี "กสิกรไทย" คาดสินเชื่อบ้าน ปีนี้ไม่สดใส หรือเติบโตเพียง 6-7% จากปีก่อนโต 12% ชี้ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบ จากเศรษฐกิจจีนชะลอ กระทบยอดซื้อ เพื่อปล่อยเช่าหรือขายต่อให้คนจีน ส่วนมาตรการธปท.มีผลทำให้ผู้ซื้อบ้านสัญญาที่ 2-3 ชะลอการซื้อบ้าน หลังภาระเพิ่มขึ้น

          นางสาวขัตติยา  อินทรวิชัย  กรรมการ ผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)  (KBANK)  กล่าวว่า แนวโน้มสินเชื่อที่อยู่อาศัย ปีนี้ น่าจะเติบโตน้อยกว่าปี 2561  โดยคาดว่า การเติบโตอยู่ที่ราว 6-7% จากปีที่ผ่านมา ที่เติบโตในระดับ 11.8% แต่เชื่อว่ายังมีโอกาสที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคาร จะเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรม ที่คาดว่า จะเติบโตอยู่ที่ระดับ 5% เท่านั้น

          สินเชื่อที่เติบโตน้อยลง ส่วนหนึ่ง มาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน  ซึ่งอาจกระทบต่อการบริโภค การจับจ่ายใช้สอยของจีน รวมถึงกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ ในไทยลดลงได้ เพราะจะกระทบต่อกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยที่เป็นคนไทย ที่เดิมมีการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อไว้ปล่อยเช่า และขายต่อให้กับนักธุรกิจหรือนักท่องเที่ยวจีนชะลอ ลงไปด้วย ดังนั้นเชื่อว่าดีมานด์การขอสินเชื่อ เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยส่วนนี้เพื่อรองรับลูกค้าจีนน่าจะลดลง และเป็นปัจจัยทำให้ สินเชื่อที่อยู่อาศัยของไทยหดตัวลง หากเทียบกับปีก่อนได้

          "ที่ผ่านมา นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยว จีนที่มาท่องเที่ยวไทยประจำ กลุ่มนี้มักเข้ามา ซื้ออสังหาฯ คอนโดต่างๆ ของไทย ทั้งซื้อเอง และซื้อต่อ โดยเฉพาะซื้อต่อกับนักธุรกิจไทย ที่ซื้อแล้วไปปล่อยต่อ กลุ่มนี้อาจกระทบได้ เพราะหากนักธุรกิจจีนไม่มาเหมือนเดิม กำลังซื้อส่วนนี้ก็น่าจะลดลง คนกู้ก็อาจชะลอการซื้อในปีนี้ หากเทียบกับปีก่อนๆ ที่กลุ่มลูกค้าจีนเข้ามาซื้ออสังหาในไทยค่อนข้างมาก"

          นอกจากนี้ เชื่อว่าจากภาวะเศรษฐกิจ ไทยที่ยังทรงๆ ตัวในช่วงครึ่งปีแรก เชื่อว่า ดีมานด์การขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วง ครึ่งปีแรกปีนี้น่าจะลดลง หากเทียบกับ ช่วงเดียวกันปีก่อน แต่คาดว่ากำลังซื้อ น่าจะกลับมาได้ในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 นี้ จากปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะ การเลือกตั้งมีความชัดเจน อาจมีผลทำให้ กลุ่มผู้ซื้อบ้านตัดสินใจซื้อบ้านได้ชัดเจนมากขึ้น

          ส่วนมาตรการ กำกับสินเชื่อที่อยู่อาศัย ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้เม.ย.นี้ เชื่อว่า มีผลกระทบกับกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัย ในกลุ่มที่ต้องการเก็งกำไรซื้อบ้านสัญญา ที่ 2-3 ขึ้นไป ทำให้การจ่ายเงินดาวน์เพิ่ม อาจทำให้การตัดสินใจซื้อบ้านกลุ่มนี้ลดลง แต่สำหรับกลุ่มที่มีความต้องการซื้อบ้าน อยู่แล้ว เช่น บ้านหลังแรก หรือสัญญา อื่นๆ ที่มีความพร้อม ยังเชื่อว่าดีมานด์ การขอสินเชื่อกลุ่มนี้ก็ยังอยู่

          ด้านคุณภาพสินเชื่อที่อยู่อาศัย  มีแนวโน้ม ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง พบว่าลูกค้าใหม่ในช่วง 1-2 ปีนี้ คุณภาพหนี้อยู่ในระดับค่อนข้างดี ขณะที่กลุ่มลูกค้าเก่า โดยเฉพาะกลุ่ม ผู้ประกอบการเป็นหนี้เสียค่อนข้างมาก ในปีที่ผ่านมา ทำให้คาดว่าปีนี้แนวโน้ม เอ็นพีแอลสำหรับสินเชื่อบ้านของธนาคาร น่าจะปรับตัวลดลง  หากเทียบกับปีก่อนที่เอ็นพีแอลสินเชื่อบ้านอยู่ที่ 3.7%

          สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปี 2561 ของธนาคารเติบโตได้ดีถึงระดับ 11.8% ถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างสูง หากเทียบกับ อุตสาหกรรมที่เติบโตเพียง 7% เท่านั้น หลักๆ มาจากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด ให้มีความหลากหลายและตรงกับ ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมถึง สินเชื่อรีไฟแนนซ์ที่ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ยในระดับที่สมเหตุสมผลและ โดนใจลูกค้ามากขึ้น

          "ยอมรับว่าช่วงปีที่ผ่านมา สินเชื่อบ้าน ของกสิกรไทยเติบโตได้เกินเป้าหมาย ไว้มาก หลังจากช่วงหลายปีที่ผ่านมา สินเชื่อบ้านของกสิกรไทยเติบโตได้ค่อนข้างน้อย โดยในปีที่ผ่านมากสิกรไทยสามารถปล่อยสินเชื่อบ้านในพื้นที่ต่างจังหวัดได้เยอะ กว่าทุกปี ทำให้ยอดปล่อยสินเชื่อบ้าน โดยรวมออกมาดี ต้องยกความดีให้กับทีมที่มีการปรับกลยุทธ์เพื่อให้เข้าถึงลูกค้า มากขึ้น" นางสาวขัตติยา กล่าว