CIชี้ตลาดอสังหาฯปีนี้แข่งขันสูง มิกซ์ยูสเนื้อหอมก่อนใช้LTVใหม่
Loading

CIชี้ตลาดอสังหาฯปีนี้แข่งขันสูง มิกซ์ยูสเนื้อหอมก่อนใช้LTVใหม่

วันที่ : 22 มกราคม 2562
บิ๊กบอส CI ชี้ตลาดอสังหาฯ ปี 2562 แข่งขันสูง เหตุจีดีพีลด-ดอกเบี้ยขาขึ้น-หนี้ครัวเรือนเพิ่ม-เศรษฐกิจโลกผันผวน-สถาบันการเงินเข้มปล่อยกู้ พร้อมชี้ก่อนใช้เกณฑ์ LTV ใหม่ “โครงการมิกซ์ยูส” จะได้รับความสนใจ
          บิ๊กบอส CI ชี้ตลาดอสังหาฯ ปี 2562 แข่งขันสูง เหตุจีดีพีลด-ดอกเบี้ยขาขึ้น-หนี้ครัวเรือนเพิ่ม-เศรษฐกิจโลกผันผวน-สถาบันการเงินเข้มปล่อยกู้ พร้อมชี้ก่อนใช้เกณฑ์ LTV ใหม่ “โครงการมิกซ์ยูส” จะได้รับความสนใจ

          นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่เติบโตในอัตราที่น้อยลง และจะมีการแข่งขันที่สูงขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ลดลง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น กระทบกำลังซื้อของผู้บริโภค หนี้สินครัวเรือนของประชาชนระดับกลาง-ล่างเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สถาบันการเงินมีความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ และเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน ถือเป็นปัจจัยลบในปี 2562

          ด้านผู้ประกอบการต้องรับภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น และจากปัจจัยลบในปี 2562 ผู้ประกอบการจึงหันมาเน้นพัฒนาโครงการระดับบนมากขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดบนเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ในปี 2562 บริษัทประเมินว่าจะมีสินค้าออกสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากผู้ประกอบการที่ไม่ได้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก จึงถือเป็นอีกปัจจัยที่ต้องติดตาม

          สำหรับมาตรการควบคุมสินเชื่อ (LTV) ใหม่ ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะประกาศใช้ในเดือนเมษายนนี้ จะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะทำให้ตลาดไม่คึกคัก อย่างไรก็ตาม โครงการที่บริษัทจะเปิดใหม่ในปี 2562 จะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากเป็นโครงการระดับบน จับกลุ่มลูกค้าระดับบนเป็นหลัก

          ทั้งนี้ ก่อนประกาศใช้เกณฑ์ LTV ใหม่ บริษัทเชื่อว่าโครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use) จะได้รับความสนใจที่ดี เนื่องจากเป็นโครงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ และมีแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว ที่จะช่วยให้ลูกค้าต่างชาติเข้าถึงสินค้าได้อีกทาง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้เน้นพัฒนาโครงการให้สอดรับกับการท่องเที่ยวของประเทศเป็นหลัก

          โดยปัจจุบันบริษัทมีสินค้าพร้อมโอน (สต๊อก) ในมือมูลค่ารวมกว่า 4,940 ล้านบาท มาจาก 4 โครงการ ได้แก่ โครงการ อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9, โครงการ บ้านอิสสระ บางนา, โครงการ ดิ อิสสระ เชียงใหม่ และโครงการ บาบา บีชคลับ ภูเก็ต ในส่วนที่เป็นวิลล่า

          “โครงการ ดิ อิสสระ เชียงใหม่ น่าจะได้รับผลกระทบจากเกณฑ์ LTV ใหม่เพียงโครงการเดียว ระดับราคาขายอยู่ที่ประมาณ 1.7-1.8 ล้านบาทต่อยูนิต โครงการนี้เป็นโครงการที่ดี แต่ทำราคาขายได้ยาก เพราะในเชียงใหม่มีการแข่งขันจากผู้ประกอบการท้องถิ่นสูง ซึ่งผู้ประกอบการท้องถิ่นอาจจะไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่ได้เปรียบเรื่องต้นทุนค่าที่ดินที่ถูกกว่า ทั้งนี้ ในช่วงก่อนใช้เกณฑ์ LTV ใหม่ บริษัทมีการจัดทำโปรโมชั่น และสื่อสารไปตลาดต่างประเทศผ่านตัวแทนจำหน่ายและสื่อออนไลน์มากขึ้น” นายสงกรานต์ กล่าว

          นายสงกรานต์ กล่าวอีกว่า ในปี 2562 บริษัทยังคงแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 3 โครงการ และเปิดโครงการส่วนต่อขยายโครงการเดิม 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 6,000 ล้านบาท ได้แก่ 1. โครงการคอนโดมิเนียมหรูบริเวณถนนจันทน์-สาทร มูลค่า 2,000 ล้านบาท, 2. ส่วนต่อขยายโรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน เมนโฮเทล เป็นอาคารสูง 12 ชั้น จำนวน 50 ห้อง มูลค่า 1,500 ล้านบาท

          3. โครงการบ้านพักตากอากาศ พูลวิลล่า 7 หลัง ภายในโครงการทิวทะเลเอสเตท มูลค่า 200 ล้านบาท 4. ส่วนต่อขยายวาเคชั่น คลับ เป็นอาคารสูง 10 ชั้น จำนวน 80 ห้อง มูลค่า 1,500 ล้านบาท ภายในโครงการทิวทะเลเอสเตท 5. ส่วนต่อขยายของโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต คอนเวนชั่นฮอลล์ ขนาดความจุ 400 คน และห้องพักแบบพูลสวีท จำนวน 20 ห้อง มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท และ 6. โครงการบ้านพักตากอากาศ พูลวิลล่า จำนวน 4 หลัง มูลค่า 200 ล้านบาท คาดว่าโครงการส่วนต่อขยายบางส่วนจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปลายปี 2562
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ