jeamjit.s@than-multimedia.com

          ระดับไพรม์-ซูเปอร์ไพรม์

          ต้องยอมรับปี 2561 ที่ผ่านมาตลาดคอนโดมิเนียมร้อนแรง ในแง่โครงการเปิดขายใหม่ที่มีรวมกันประมาณ 65,000 ยูนิต แต่สูงกว่าปี 2560 เล็กน้อย ขณะที่ด้านอุปสงค์หรือกำลังซื้อค่อนข้างสวนทาง มีแนวโน้มชะลอตัว โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ระดับราคาโครงการเปิดใหม่ ในเขตกรุงเทพฯ (CBD) และชั้นกลาง (Fringe area) มีระดับราคาลดลง 4.1% และ 11.9% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับโครงการเปิดใหม่ ในปีก่อนหน้า

          ทั้งนี้ ตลาดคอนโดมิเนียมที่น่าจับตา ระดับไพรม์(ราคาขายเฉลี่ย 1.8-2.49 แสนบาทต่อตร.ม.) และซูเปอร์ไพรม์(2.5 แสนบาทขึ้นไปต่อตร.ม.) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มองว่าไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจสักเท่าไร เพราะกลุ่มผู้ซื้อเป็นผู้ที่มีฐานะ กับนักลงทุนต่างชาติ ในปีที่ผ่านมาคอนโดฯระดับไพร์มและซูเปอรไพรม์มีห้องชุดเปิดขายใหม่ 4,584 ยูนิต และ 6,273 ยูนิต รวมกัน 10,857 ยูนิต คิดเป็น 16% ของตลาดคอนโดมิเนียมในภาพรวมที่เปิดขายสูงถึง 65,000 ยูนิต

          จากรายงานวิจัยของไนท์แฟรงค์ประเทศไทย ในปีที่ผ่านมา คอนโดฯระดับไพรม์และซูเปอร์ไพรม์มีอุปทานสะสมรวม 33,197 ยูนิต แบ่งเป็นคอนโดฯระดับไพรม์ที่มีอุปทานเดิม 15,871 ยูนิต และอุปทานใหม่ 4,584 ยูนิต เปิดใหม่ลดลง 71% เมื่อเทียบกับปี 2560 ส่วนระดับซูเปอร์ไพรม์มีอุปทานเดิม 6,469 ยูนิต และอุปทานใหม่ 6,273 ยูนิต อัตราการเปิดขายใหม่ลดลงเล็กน้อย 3%

          สำหรับสถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมหรูในปี 2562 ที่มีปัจจัยลบรุมเร้าหลายด้าน ทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจ ดอกเบี้ยขาขึ้น แบงก์ชาติคุมเข้มการแข่งขันสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ ด้วยมาตรการ LTV และที่ต้องจับตาคือตลาดผู้ซื้อชาวจีน มีแนวโน้มชะลอตัว จากนโยบายของรัฐบาลจีนที่ควบคุมการโอนเงินเพื่อนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศจะดำเนินการได้ยากขึ้น

          ถือเป็นเรื่องท้าทายการทำตลาดคอนโดมิเนียมระดับไพรม์และซูเปอร์ไพรม์รวมถึงตลาดในภาพรวมด้วย