คอนโดชะลอตัวยาวถึงสิ้นปี
Loading

คอนโดชะลอตัวยาวถึงสิ้นปี

วันที่ : 19 มกราคม 2562
สำหรับปัจจุบันการพัฒนาคอนโดมีตัวเลือกไม่มากนัก เพราะตลาดกลาง-ล่างชะลอตัวลงไปมาก ดังนั้นขณะนี้จึงเหลือเพียงตลาดระดับกลาง-บน ที่ยังสามารถทำตลาดได้ สำหรับบริษัทเองปัจจุบันมีรายได้จากการลงทุนใน 3 ธุรกิจ โดย รายได้หลักมาจากคอนโด รองลงมาเป็นบ้านแนวราบ และธุรกิจบริการ
          แอล.พี.เอ็น.ชี้ตลาดคอนโดอยู่ในภาวะถดถอยยาวถึงปลายปี 2562 ปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้าเพียบ

          นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ เปิดเผยว่า จากสภาวการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอยู่ในภาวะถดถอยและมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวไปจนถึงปลายปี 2562 ทำให้การลงทุนในช่วงนี้มีความเสี่ยง ซึ่งสิ่งสำคัญในการลงทุนในภาวะนี้คือ สภาพคล่อง โดยเฉพาะธุรกิจคอนโดมิเนียมที่มีความจำเป็นอย่างมากเพราะต้องลงทุนก่อสร้างจนแล้วเสร็จ จึงจะสามารถรับรู้รายได้ และจากประสบการณ์ของบริษัทที่ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาตั้งแต่ปี 2540 จึงได้ปรับแผนรับมือมาตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมา ด้วยการกระจายการลงทุนไปยังเซ็กเมนต์อื่นมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง นอกเหนือจากการลงทุนคอนโดเพียงอย่างเดียว

          "บรรยากาศการลงทุนในธุรกิจ อสังหาฯ ในปัจจุบันเริ่มไม่สดใสเหมือนในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา  ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะที่ดินติดถนนราคาไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท/ตารางวา ทำให้ราคาคอนโดพุ่งขึ้นไปสูงมาก โดยราคาถูกสุดจะอยู่ที่ 2 ล้านบาท/ยูนิต ส่งผลให้ต้องไปพึ่งพิงตลาดต่างชาติ ซึ่งความคิดก็ตรงกับผู้ประกอบการระดับบิ๊กในวงการอสังหาฯ คือ ในปีนี้ไม่ควรทำอะไรที่เกินตัว แต่ก็เชื่อว่าอสังหาฯ ยังเป็นธุรกิจที่หอมหวาน ผู้ประกอบการบางรายมั่นใจว่าจะเอาตัวรอดได้" นายโอภาส กล่าว

          สำหรับปัจจุบันการพัฒนาคอนโดมีตัวเลือกไม่มากนัก เพราะตลาดกลาง-ล่างชะลอตัวลงไปมาก ดังนั้นขณะนี้จึงเหลือเพียงตลาดระดับกลาง-บน ที่ยังสามารถทำตลาดได้ สำหรับบริษัทเองปัจจุบันมีรายได้จากการลงทุนใน 3 ธุรกิจ โดย รายได้หลักมาจากคอนโด รองลงมาเป็นบ้านแนวราบ และธุรกิจบริการ

          ด้านแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2562 ตั้งเป้าเปิดตัวใหม่ รวม 16 โครงการ รวมมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 10 โครงการ มูลค่า 8,000 ล้านบาท โดยพัฒนาภายใต้แบรนด์ พรสันติ 8 โครงการ ราคา 2-10 ล้านบาท ส่วนอีก 2 โครงการเป็นแบรนด์ 365 ราคา 15-20 ล้านบาท และคอนโด 6 โครงการ แบ่งเป็นแบรนด์ ลุมพินี เพลส 3 โครงการ ระดับราคา 2-3 ล้านบาท ลุมพินี วิลล์ 1 โครงการ ระดับราคา 1.2-1.5 ล้านบาท แบรนด์ ซีเล็คเต็ด 1 โครงการ ระดับราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป และอาคารสำนักงานเพื่อขาย แบรนด์ ลุมพินี ทาวเวอร์ ย่านวิภาวดี สูง 20 ชั้นขึ้นไป ระดับราคา 1 แสนบาท/ตารางเมตรขึ้นไป

          ปัจจุบันบริษัทมีสต๊อกสินค้าก่อสร้างแล้วเสร็จมูลค่า 7,000 ล้านบาท เป็นคอนโด 5,500 ยูนิต ในจำนวนดังกล่าวเป็นระดับราคา 1 ล้านบาทบวกลบ จำนวน 5,000 ยูนิต และระดับราคา 3.6 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 500 ยูนิต ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะนำกลยุทธ์ทางการตลาด จัดแพ็กเกจให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย โดยกลุ่มระดับราคา 1 ล้านบาท บวกลบ มีความต้องการขอสินเชื่อได้ 100% หรือไม่ต้องการจ่ายเงินดาวน์ ส่วนผู้ซื้อ คอนโดระดับบน จะสนใจในเรื่องส่วนลดราคา เป็นเรื่องสำคัญ โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1.65 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโด 1.1 หมื่นล้านบาท และแนวราบ 5,500 ล้านบาท ขณะที่ เป้าหมายรายได้ วางไว้ที่ 1.35 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากคอนโด 9,000 ล้านบาท โครงการแนวราบ 3,000 ล้านบาท และรายได้จากค่าเช่า 1,500 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 15%
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ