ลลิล แนะปรับตัวอย่างไรให้รอดปี 62
Loading

ลลิล แนะปรับตัวอย่างไรให้รอดปี 62

วันที่ : 12 มกราคม 2562
"ลลิล พร็อพเพอร์ตี้" ประกาศ แผนปี 62 รุกตลาดแนวราบเปิด 8-10 โครงการใหม่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล ชี้กำลังซื้อ Real Demand ยังชัดเจน และมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ทุ่มงบ ซื้อที่ดิน 1,000 ล้านบาท พร้อมแนะการปรับตัวเพื่อรับมือตลาดอสังหาฯใน ปี 2562 นี้ โดยในส่วนของ ลลิล ยึด กลยุทธ์ Lifestyle Marketing เจาะกลุ่มลูกค้า 2 กลุ่มหลักคือ กลุ่มคนหนุ่มสาว ที่มีกำลังซื้อบ้านราคา 2-3 ล้านบาท และกลุ่มสร้างครอบครัวใหม่ ต้องการบ้านราคา 3-6 ล้านบาท
          ลุย10โครงการใหม่เจาะกลุ่มคนหนุ่มสาว

          "ลลิล พร็อพเพอร์ตี้" ประกาศ แผนปี 62 รุกตลาดแนวราบเปิด 8-10 โครงการใหม่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล ชี้กำลังซื้อ Real Demand ยังชัดเจน และมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ  ทุ่มงบ ซื้อที่ดิน 1,000 ล้านบาท พร้อมแนะการปรับตัวเพื่อรับมือตลาดอสังหาฯใน ปี 2562 นี้ โดยในส่วนของ ลลิล ยึด กลยุทธ์ Lifestyle Marketing เจาะกลุ่มลูกค้า 2 กลุ่มหลักคือ กลุ่มคนหนุ่มสาว ที่มีกำลังซื้อบ้านราคา 2-3 ล้านบาท และกลุ่มสร้างครอบครัวใหม่ ต้องการบ้านราคา 3-6 ล้านบาท

          นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2562 นี้เป็นปีสำหรับผู้ประกอบการที่เป็นมืออาชีพ ซึ่งตลาดโดยรวมยังคงเติบโตได้ แต่อาจเติบโตในอัตราที่ชะลอลง แม้เศรษฐกิจ โดยรวมน่าจะขยายตัวได้จากปี 2561 ประมาณ 4-4.3% ประกอบกับปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี ตลอดจนการลงทุนของภาค รัฐที่เป็นงบผูกพันต่อเนื่องมาจากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี ในปี 2562 นี้ก็มีปัจจัย เสี่ยงหลายปัจจัย ที่อาจเข้ามากระทบ ไม่ว่าจะความเสี่ยงจากการชะลอตัวลง ของเศรษฐกิจโลก ความเสี่ยงจากสงครามทางการค้า ความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ตลอดจนความเสี่ยงจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตร- การควบคุม LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของ ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2562 นี้ได้ ทั้งนี้ สำหรับเกณฑ์ LTV ใหม่ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 เมษายนที่จะถึงนี้นั้น ในแง่ของบริษัทเน้นทำตลาดในกลุ่ม Real Demand และลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังแรก ดังนั้น จึงได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวไม่มากนัก และ ประกอบกับลลิล เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าคนหนุ่มสาว ที่สามารถซื้อบ้านราคา 2-3 ล้านบาทและกลุ่มคนสร้างครอบครัวใหม่ ที่ต้องการบ้านราคา 3-6 ล้านบาท เป็นหลัก โดยเน้นไปที่กลุ่มทาวน์โฮม บ้านแนวคิดใหม่ และบ้านเดี่ยว ซึ่งมีแผน เปิดใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,000-4,500 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 5,300 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 4,650 ล้านบาท

          แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อรับมือตลาดในปี 2562 นี้ คือ 1.ลดสินค้าค้างสต็อก 2.การเปิดโครงการใหม่ต้องสำรวจทำเลและวิจัยตลาดให้ดี 3.ควบคุมอัตราการกู้หนี้อย่างให้สูงเกินไป 4.อย่าขยายโครงการออก นอกพื้นที่ที่เราไม่มีความชำนาญ และสุดท้ายผู้ประกอบการรายเล็กต้อง ปรับระบบภายในองค์กร เพื่อเพิ่มประ- สิทธิภาพการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด นายไชยยันต์ กล่าว

          ด้าน นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรม- การรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนการตลาดในปีนี้ว่า จะทำธุรกิจเชิงรุก พัฒนาโครงการมิกซ์ยูส แบรนด์ ลลิล ทาวน์ ซึ่งประกอบด้วย บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ในทำเลยุทธศาสตร์ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยว และแหล่งงานสำคัญ มูลค่ารวมประมาณ 4,000-4,500 ล้านบาท โดยวางกลยุทย์การตลาด ภายใต้แนวคิด The Urban Destination For Living สร้างฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มอายุ 25-40 ปี แต่ยังคงรักษาฐานลูกค้าเก่าของลลิล

          "การพัฒนาบ้านให้ตอบโจทย์ในยุค 4.0 ความทันสมัย และการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่แท้จริง คือแนวคิด ของบ้านที่บริษัทพัฒนาในรูปแบบ ลลิล เพอร์เซอร์นัลไลซ์ สไตล์ (Lalin Personalized Style) ที่ออกแบบและปรับฟังก์ชั่น การใช้งานทุกความต้องการของลูกค้า การอยู่ร่วมกันทั้งแบบครอบครัวเดี่ยวและครอบครัวขยาย" นายชูรัชฏ์ กล่าวในที่สุด
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ