ลลิลฯเร่งระบายสต๊อกเพิ่มเงินสด ลุ้นปี62การเมืองตัวแปรหลักอสังหาฯ
Loading

ลลิลฯเร่งระบายสต๊อกเพิ่มเงินสด ลุ้นปี62การเมืองตัวแปรหลักอสังหาฯ

วันที่ : 8 มกราคม 2562
ลลิลฯ ระบุตลาดปี62 ยังโตได้ จับตาการเมืองปัจจัยหลักตลาด ขยายตัวมากหรือน้อย ประกาศแผนลงทุนโครงการใหม่เพิ่ม เน้นรุกแนวราบ ทุ่ม1,000 ล้านบาทซื้อที่ดินรอพัฒนา เปิดตัว 8-10 โครงการมูลค่า 4,000-4,500 ล้านบาท เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ทาวน์เฮาส์ 2-3 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 3-6 ล้านบาท แนะรายเล็กรายใหม่ พัฒนาในทำเลที่เชี่ยวชาญ เร่งระบายสต๊อก รักษาสภาพคล่องหลังรัฐออกมาตรการLTV เหตุแบงก์เข้มปล่อยกู้
          ลลิลฯ ระบุตลาดปี62 ยังโตได้ จับตาการเมืองปัจจัยหลักตลาด ขยายตัวมากหรือน้อย ประกาศแผนลงทุนโครงการใหม่เพิ่ม เน้นรุกแนวราบ ทุ่ม1,000 ล้านบาทซื้อที่ดินรอพัฒนา เปิดตัว 8-10 โครงการมูลค่า 4,000-4,500 ล้านบาท เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ทาวน์เฮาส์ 2-3 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 3-6 ล้านบาท แนะรายเล็กรายใหม่ พัฒนาในทำเลที่เชี่ยวชาญ เร่งระบายสต๊อก รักษาสภาพคล่องหลังรัฐออกมาตรการLTV เหตุแบงก์เข้มปล่อยกู้

          นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 ว่า เติบโตชะลอตัวลงจากปี 2561 แม้เศรษฐกิจโดยรวมน่าจะขยายตัวได้จากปี 61 ราว 4.0-4.3% ประกอบยังมองว่าปัจจัยบวก เรื่องการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น การลงทุนของภาครัฐในโครงการเมกะโปรเจกต์ แต่การเลือกตั้งเป็นปัจจัยที่สำคัญ เป็นตัวชี้วัดการขยายตัวของตลาดอสังหาฯ ในปี 62 และจะมีผลทันทีต่อกลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่จะตัดสินใจเข้ามาซื้อและลงทุนอสังหาฯและภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย

          "ความเสี่ยงเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของภาคธุรกิจอสังหาฯ ไทยในปี 62 นี้ได้ สำหรับเกณฑ์ LTV ใหม่ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 เมษายนที่จะถึงนี้นั้น ในแง่ของบริษัทที่เน้นทำตลาดในกลุ่มReal Demand และลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังแรก ดังนั้น จึงได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวไม่มาก"

          สำหรับการปรับตัวในการรับมือความเสี่ยงจากมาตรการ LTV คือ Loan to Value หรืออัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันนั้น ในไตรมาสแรกของปีนี้ ลลิลฯ ได้เร่งระบายสต๊อกสินค้าในพอร์ต เพื่อเพิ่มกระแสเงินสด เพราะสถาบันการเงินจะเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของสินเชื่อโครงการและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยรายย่อย ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการรายเล็กต้องระมัดระวังในเรื่องของการขยายการลงทุนไปในทำเลใหม่ๆ เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น จะทำให้รายเล็กเสียเปรียบคู่แข่ง ที่ชำนาญในทำเลและเป็นเจ้าตลาดอยู่ และสายป่านจะเสียเปรียบรายใหญ่ที่มีกำลังมากกว่า

          ด้านนายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรอง ผู้จัดการใหญ่ กล่าวถึงทิศทางการลงทุนในปี 62 ว่า ยังให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มทาวน์โฮม บ้านแนวคิดใหม่และบ้านเดี่ยว โดยมีแผน ขยายโครงการใหม่ทั้งสิ้น 8-10 โครงการ มูลค่ารวม 4,000-4,500 ล้านบาท เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ ทาวน์เฮาส์ 2-3 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 3-6 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 5,300 ล้านบาท มียอดรับรู้รายได้ที่ 4,650 ล้านบาท เติบโตขึ้นราว 15% จากปี 2561

          โดยสัดส่วนการพัฒนาโครงการใหม่นั้น 80-90% จะเน้นไปในโครงการแนวราบ ประเภทบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์  ให้น้ำหนักในการพัฒนาโครงการในตลาดกรุงเทพฯและปริมณฑล 80% และอีก 20% กระจายไปพัฒนาโครงการใหม่ในตลาดต่างจังหวัด โดยเฉพาะเมืองใหญ่ที่มีแหล่งงาน เช่น โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) และเมืองท่องเที่ยว โดยเน้นกลยุทย์การตลาด ภายใต้แนวคิด The Urban Destination For Living สร้างฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มอายุ 25-40 ปี ในขณะที่ยังรักษาฐานลูกค้าเก่าของลลิลฯ และถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อต่อยอดความภักดีในตราสินค้า (Brand Loyalty)

          "ปีนี้วางงบซื้อที่ดิน 1,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ใช้แหล่งเงินทุนที่มาจากกระแสเงินสด ที่เกิดจากการโอนโครงการต่างๆ และการออกหุ้นกู้ ซึ่งจะพิจารณาจำนวนและช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้สอดรับกับการขยายธุรกิจ และการเติบโตในระยะยาวของบริษัท"

          ในส่วนผลการดำเนินงานในปี 2560 ลลิลฯ เปิดโครงการใหม่ 7 โครงการ สามารถสร้างยอดขายกว่า 6,000 ล้านบาท มียอดรับรู้รายได้ 4,080 ล้านบาท เติบโต 10-15% จากปี 59  ปัจจุบัน ลลิลฯ มียอดขายรอโอน(แบ็กล็อก) อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท คาดว่าในไตรมาส 1/62 จะสามารถส่งมอบให้ลูกค้า 900 ล้านบาท
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ