ตลาดโครงสร้างหลังคาแบบถักแข่งดุ 3รายชิงแชร์-อีซี่ทรัส ขยายโครงการ
Loading

ตลาดโครงสร้างหลังคาแบบถักแข่งดุ 3รายชิงแชร์-อีซี่ทรัส ขยายโครงการ

วันที่ : 4 มกราคม 2562
"อีซี่ทรัส" มั่นใจแนวโน้มปี 62 ความต้องการใช้โครงสร้างหลังคาแบบโครง ถักยังเติบโต คาดโตไม่ต่ำกว่า 10% แม้ความต้องการจากโครงการจัดสรร-รับสร้างบ้านชะลอตัว
          "อีซี่ทรัส" มั่นใจแนวโน้มปี 62 ความต้องการใช้โครงสร้างหลังคาแบบโครง ถักยังเติบโต คาดโตไม่ต่ำกว่า 10% แม้ความต้องการจากโครงการจัดสรร-รับสร้างบ้านชะลอตัว

          นายสรพล คงรอด กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮาส์ เฟรนด์ลี่ โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตโครงหลังคาเหล็กกึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ อีซี่ทรัส (EASY TRUSS) กล่าวถึงแนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านและโครงการจัดสรรในปี 2562 ว่า แม้จะชะลอ ตัว แต่ความต้องการใช้โครงหลังคากึ่งสำเร็จรูปกลับเพิ่มสูงขึ้น จากการเปลี่ยนมาใช้โครงหลังคากึ่งสำเร็จรูปแทนหลังคาแบบเดิม ทำให้ตลาดยังขยายตัวเพิ่มขึ้น สวนทางกับตลาดโครงการแนวราบในปีนี้ โดยเฉพาะการเปลี่ยนมาใช้โครงหลังคากึ่งสำเร็จรูปของผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็ก ทำให้ตลาดขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก

          ปัจจุบัน ตลาดโครงสร้างหลังคาแบบโครงถัก มีผู้ผลิตและจำหน่าย 3 รายที่แชร์ตลาดหลัก คือ เอสซีจี, บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT และอีซี่ทรัส โดยเอสซีจี มีแชร์ในตลาดบ้านเดี่ยวเป็นหลัก ขณะที่ DRT เน้นตลาดโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ โดยเฉพาะกลุ่มทาวน์เฮาส์จะนิยมใช้โครงถักสมาร์ททัช ของDRTเป็นหลัก เนื่องจากมีการทำตลาดแบบครบวงจร คือ ขายในรูปแบบโซลูชัน โครงหลังคาพร้อมติดตั้งกระเบื้องหลังคา โดยเฉพาะกระเบื้องลอนคู่ ซึ่งได้รับความนิยมมาก ขณะที่ อีซี่ทรัส ได้ขยายตลาดสู่ โครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ ซึ่งเป็นการผลิตตามคำสั่งซื้อของผู้ประกอบการเป็นหลัก

          สำหรับตลาดโครงสร้างหลังคาแบบโครงถักในปี 2561 ยังมีทิศทางการขยายตัวดี แม้ว่าการเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรและที่อยู่อาศัยแนว ราบจะชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับปี 2560 ซึ่งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มีการขยายการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง

          เนื่องจากการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมลดลง จากปริมาณ(ซัปพลาย) คอนโดฯเหลือขายในตลาดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่ได้เปิดโครงการไปก่อนหน้า ต้องปรับแผนลดการเปิดโครงการคอนโดฯและเพิ่มน้ำหนักในโครงการบ้านจัดสรรทั้งในตลาดระดับกลางและระดับบน ส่งผลให้การแข่งขันมีความรุนแรงมากขึ้น

          "ในช่วงปี 60 จังหวัดในพื้นที่โครงการพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะมีการพัฒนาโครงการแนวราบเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในจังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัย อันเป็นผลจากการขยายตัวของตลาดแรงงานภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ ดังกล่าว ซึ่งมีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว"

          อย่างไรก็ตาม การลดจำนวนการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบในปี 2561 ไม่ได้ส่งผลต่อความต้องการใช้โครงสร้างหลังคาแบบโครงถักให้ลดลง ตรงกันข้ามความต้องการใช้กลับขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยหลักมาจากผู้ประกอบ การอสังหาฯรายใหญ่และขนาดกลาง ให้การตอบรับและหันมาใช้โครงหลังคาดังกล่าวทดแทนโครงหลังคาเหล็กรูปพรรณ ซึ่งต้องมีการเชื่อมโครงหลังคาที่หน้างานเพิ่มขึ้น การยอมรับและเพิ่มปริมาณการใช้โครงถักของผู้ประกอบการรายใหญ่ และผู้ประกอบการขนาดกลางตลอดจนรายเล็ก ส่งผลให้ยอดสั่งซื้อโตตามไปด้วย

          ทั้งนี้ ผลดีของการใช้โครงถัก คือ ช่วยลดต้นทุนและระยะเวลางานก่อสร้าง ลดลง และยังเป็นการบริหารจัดการงานก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น ทำให้โครงถักได้รับความนิยมสูงขึ้น

          "จากการเพิ่มสัดส่วนการใช้โครงถัก ทดแทนโครงหลังคาเหล็กรูปพรรณ ทำให้ตลาดโครงหลังคาแบบโครงถักในปีที่ผ่าน มาและต่อเนื่องปี 62 ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 10-15% และยังมีแนวโน้มที่ดีมากขึ้น เพราะแนวโน้มการเปลี่ยนมาใช้โครงถักของผู้ประกอบการ อสังหาฯขนาดกลางและเล็กมีแนวโน้มที่สอดรับกับความต้องการ แต่ยังมีผู้ประกอบ การรายเล็กส่วนใหญ่ ยังนิยมใช้โครงหลังคาเหล็กรูปพรรณที่ต้องเชื่อมต่อโครงหลังคาที่หน้างาน เพราะผู้ประกอบการรายเล็กยังนิยมใช้บริการบริษัทรับเหมาก่อสร้างในการสร้างบ้านเป็นหลัก"

          ส่วนการใช้โครงหลังคาแบบโครงถักในกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านนั้น แม้ว่าบริษัทรับสร้างบ้านยังนิยมใช้โครงถัก แต่เนื่องจากตลาดรับสร้างบ้านในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาชะลอตัวต่อเนื่องในทุกๆ ปี ทำให้ปริมาณการใช้มีปริมาณเท่าเดิม

          ทั้งนี้ ในช่วง 4-5 ปีก่อน ตลาดหลักของ "อีซี่ทรัส" คือ กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้าน แต่ด้วยแนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในช่วงที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยแวดล้อมทั้งด้านการเมือง ภัยธรรมชาติ รวมถึงราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ หนี้ครัวเรือน ฯลฯ ทำให้ตลาดชะลอตัว "อีซี่ทรัส" จึงเพิ่มฐานลูกค้าไปสู่โครงการจัดสรร ซึ่งตลาดให้การยอม รับและหันมาใช้โครงหลังคากึ่งสำเร็จรูปในสัดส่วนที่สูงขึ้น