ฮาบิแทท เพิ่มน้ำหนักนักลงทุนตปท. เล็งเปิดตลาดใหม่ลดผูกขาดลูกค้าจีน
Loading

ฮาบิแทท เพิ่มน้ำหนักนักลงทุนตปท. เล็งเปิดตลาดใหม่ลดผูกขาดลูกค้าจีน

วันที่ : 18 ธันวาคม 2561
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 ตลาดคอนโดมิเนียมเริ่มชะลอตัวชัดเจนมากขึ้น หลังจากกลุ่มลูกค้าจากจีนชะลอตัดสินใจซื้อและลงทุนในตลาดคอนโดฯ ออกไป
          นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 ตลาดคอนโดมิเนียมเริ่มชะลอตัวชัดเจนมากขึ้น หลังจากกลุ่มลูกค้าจากจีนชะลอตัดสินใจซื้อและลงทุนในตลาดคอนโดฯ ออกไป เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ (Trade War) และการอ่อนตัวของ ค่าเงินหยวน ส่งผลให้ยอดขายจากลูกค้าต่างชาติในตลาดรวมคอนโดฯ ตัวลงกว่า 50% ปัจจัยดังกล่าว ทำให้ในช่วงปลายปีนี้ บริษัทต้องเลื่อนนำโครงการคอนโดฯ ในพอร์ตไปโรดโชว์ที่ประเทศจีนออกไป เป็นช่วงไตรมาสแรกของปี 62 เพื่อประเมินผลกระทบจากTrade War แต่คิดว่าเป็นช่วงสั้นๆ เพราะทั้งสองประเทศได้มีการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นแล้ว และเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เชื่อว่าลูกค้าจีนจะกลับเข้ามาซื้อและลงทุนคอนโดฯ ในประเทศไทยอีกครั้ง

          สำหรับการควบคุมการนำเงินหยวนออกไปลงทุนในต่างประเทศ ได้ไม่เกิน 50,000 ดอลลาร์ต่อปีนั้น จะกระทบกับตลาดคอนโดฯไฮเอนด์ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนตลาดระดับกลาง-ล่าง ราคาตั้งแต่ 8 ล้านบาทลงมา ไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวแม้จะส่งผลกระทบ แต่หากลูกค้าต้องการซื้อจริงๆ ก็ยังมีแนวทางหรือวิธีการโอนเงินเข้ามาซึ่งลงทุนในประเทศอีกหลายทาง เช่น การโอนเงินไปที่ฮ่องกงแล้วโอนมาไทยอีกที หรือ สามารถให้ญาติหลายๆ คนช่วยโอนให้แทนการโอนเงินผ่านบุคคลเพียงคนเดียว

          "สองปัจจัยที่เกิดกับตลาดจีน ทางฮาบิแททยังคงให้น้ำหนักกับการทำตลาดในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเช่นเดิม เนื่องจากลูกค้าจีนไม่ใช่ลูกค้าต่างชาติเพียงกลุ่มเดียว แต่ยังมีอีกหลายๆประเทศที่สนใจเข้ามาลงทุนคอนโดฯ ในไทย เช่น มาเลเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และยุโรป เนื่องจากศักยภาพในการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยมีอยู่สูง เพราะถูกมองเป็นศูนย์กลางกลุ่มประเทศอาเซียน ดังนั้น ฮาบิแทท มีแผนขยายตลาดไปในประเทศใหม่ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาด และลดความเสี่ยงการผูกขาดในกลุ่มลูกค้าประเทศใดประเทศหนึ่ง ทั้งนี้ สัดส่วนลูกค้าต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเป็น 47% และลูกค้าคนไทยอยู่ที่ 53% จากเดิมคนไทย 60% และต่างชาติ 40%"

          ขณะเดียวกัน แนวโน้มด้านผลตอบแทนจากการลงทุนอสังหาฯในประเทศไทย ยังดีกว่าประเทศ ข้างเคียงและในเมืองใหญ่ อย่างเช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ เนื่องจากระดับราคาขายยังต่ำมาก เช่น ราคา ห้องชุดในประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง มีราคาสูงกว่าอสังหาฯในประเทศไทยกว่า 10 เท่าตัว ขณะที่ ผลตอบแทนอยู่ในระดับ 1-2% ส่วนในเมืองของไทยให้ผลตอบแทนสูงโดยเฉลี่ยในระดับ 5-6%

          สำหรับแนวโน้มตลาดคอนโดฯ เพื่อการลงทุนจากลูกค้าต่างชาตินั้น เป็นทิศทางที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะนับจากที่ตลาดคอนโดฯ ไทยขยายตัวและมีซัปพลายใหม่ออกมารวดเร็ว โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคม และโครงการรถไฟฟ้าที่มีการลงทุนโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาที่ดินในเมืองโดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้าได้ขยับสูงขึ้น โครงการคอนโดฯใหม่ที่ออกมาจะมีราคาสูงตามต้นทุนที่ดิน สวนทางกับกำลังซื้อ(ดีมานด์)ใหม่ที่ขยายตัวไม่ทัน แถมดีมานด์บางส่วนยังลดลง จากผลกระทบเงินเฟ้อและหนี้ครัวเรือน รวมถึงแรงกดดันจากสถาบันการเงินที่เข้มงวดปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยรายย่อย ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้

          จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ตลาดนักลงทุนและลูกค้าต่างชาติ มีอัตราการขยายตัวสูง ทั้งจำนวนยูนิต และมูลค่าการซื้อขาย จากข้อมูลตลาดรวมห้องชุดในปีที่ผ่านมา คาดมูลค่าซื้อขาย 2 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้ มีส่วนแบ่งกลุ่มลูกค้าต่างชาติ 20-30% หรือประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก แม้ในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา ลูกค้าจีนชะลอตัวทำให้ยอดขายหายไปกว่า 50%

          ทั้งนี้ ในด้านแผนลงทุนในปี 62 พร้อมเปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท แยกเป็นพัฒนาโครงการใหม่ในเมืองพัทยา  2 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท และในกรุงเทพฯ 4 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท โดยในปี 61 คาดว่าจะมียอดขาย 2,000 ล้านบาท หรือเติบโตจากปี 60 ประมาณ 60% ส่วนในปี 62 คาดจะเติบโต 30-40%.
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ