เอพีขายทะลุ4.3หมื่นล.
Loading

เอพีขายทะลุ4.3หมื่นล.

วันที่ : 13 ธันวาคม 2561
เอพี คาดยอดขายปี 2561 เพิ่มฉลุย 4.3 หมื่นล้าน กวาดรายได้ 3.5 หมื่นล้าน เกินเป้ากว่า 10% หลังจากปรับวิธีทำงานใหม่
          เอพี คาดยอดขายปี 2561 เพิ่มฉลุย 4.3 หมื่นล้าน กวาดรายได้ 3.5 หมื่นล้าน เกินเป้ากว่า 10% หลังจากปรับวิธีทำงานใหม่

          นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า ในช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) ของปี 2561 บริษัทมียอดขาย 4.14 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 2.18 หมื่นล้านบาท จากโครงการคอนโดมิเนียม ส่วนใหญ่เป็นโครงการร่วมทุนกับบริษัท มิตซูบิชิ และอีก 1.96 หมื่นล้านบาท จากโครงการแนวราบ ซึ่งปีนี้ผลประกอบการของบริษัทออกมาดีมาก

          ทั้งนี้ คาดว่าทั้งปีจะมียอดขายทะลุ 4.3 หมื่นล้านบาท สูงจากเป้าเดิม 3.98 หมื่นล้านบาท ที่ปรับขึ้นมาเมื่อเดือน ต.ค.จากเป้าเดิม 3.35 หมื่นล้านบาท ที่ตั้งไว้เดิมช่วงต้นปี โดยยอดขายสิ้นปี 2561 จะสูงกว่าที่ผ่านมาที่ทำได้ 4.29 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าเดิม 2.6 หมื่นล้านบาท ยอดขายที่เกินเป้าต่อเนื่อง 2 ปีนี้เป็นผลมาจากการปรับองค์กรภายในเมื่อ 3-4 ปี ที่ผ่านมา ที่ให้ผู้บริหารระดับหัวหน้าปรับ รูปแบบการทำงานใหม่มาเป็นรูปแบบ Direct Operating Profit หรือกำไรโดยตรงจากการดำเนินงานดูแลทีมพัฒนาโครงการและสนับสนุน 10 ทีม แบบเถ้าแก่หรือแบบเจ้าของธุรกิจแทนการใช้รูปแบบเคพีไอ

          สำหรับภาพรวมตลาดในช่วงไตรมาสแรก ปี 2562 นั้นจะเป็นช่วงเร่งขายและเร่งโอน เพื่อให้ทันกับมาตรการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บังคับใช้ โดยสัญญาณดังกล่าวเริ่มเห็นในช่วงไตรมาส 4 ปี 2560 แต่บริษัทไม่ได้นำมาตรการดังกล่าวมาใช้เป็นแคมเปญการตลาดเนื่องจากยอดขายของบริษัททะลุเป้าแล้ว

          "มาตรการของแบงก์ชาตินั้นมีผลทางด้านจิตวิทยามากกว่า ส่วนผลกระทบ จริงๆ นั้นอาจจะเกิดขึ้นกับการขายในเดือน เม.ย.ที่เป็นเดือนแรกที่มาตรการดังกล่าวบังคับใช้ ซึ่งตลาดจะเริ่มกลับมาดีขึ้นในเดือน พ.ค และในเดือน มิ.ย.นั้นตลาดจะเข้าสู่สภาวะปกติ" นายอนุพงษ์ กล่าว

          อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 หากตัวเลขจีดีพีทางเศรษฐกิจของประเทศมีการเติบโต 4% และตราบใดที่การเลือกตั้งแล้วไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังไปต่อได้ ส่วนสถานการณ์ตลาดคอนโดที่อยู่ในภาวะล้นตลาดในบางทำเลนั้น และการที่ธนาคารเข้าคุมการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่ ซึ่งปัญหาดังกล่าวนั้นจะกระทบกับผู้ประกอบการรายขนาดกลางและเล็กมากกว่า เนื่องจากสถานะทางการเงินต่างจากผู้ประกอบการรายใหญ่

          ปัจจุบันตลาดบ้านหรูนั้นยังเติบโตได้ดี เห็นได้จากโครงการ เดอะ พาลาซโซ่ ศรีนครินทร์ จำนวน 52 ยูนิต มูลค่า 1,700 ล้านบาท ทำยอดขายได้กว่า 300 ล้านบาท หลังจากเปิดการขายเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่โครงการวิทโทริโอ้ ซึ่งเป็นคอนโดหรูมูลค่าโครงการ  3,200 ล้านบาท สามารถปิดการขายได้ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ