รื้อศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ
Loading

รื้อศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ

วันที่ : 4 มกราคม 2560
รื้อศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ

เร่งปรับโครงสร้างใหญ่ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ดันเข้า ธอส. เต็มตัว คาดเดือน ก.พ.เสร็จ

นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะประธานกรรมการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง องค์กรตามนโยบายของกระทรวงการคลังที่ต้องการให้ศูนย์ข้อมูลรวมอยู่ในโครงสร้างเดียวกับ ธอส. ซึ่งได้มอบหมายให้นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. ในฐานะประธานกรรมการดำเนินการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ไปดำเนินการ คาดว่าจะเป็นรูปธรรมได้ภายในเดือน ก.พ.นี้

สำหรับการปรับโครงสร้างของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มหน้าที่ให้ศูนย์ข้อมูลเป็นเครื่องมือในการดำเนินงานของ ธอส.เต็ม 100% นอกเหนือจากการรายงานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ประโยชน์ ซึ่งยังเป็นภารกิจหลักของศูนย์ข้อมูลที่ยังต้องดำเนินการอยู่หลังการปรับโครงสร้างใหม่ พร้อมกับการดำเนินงานตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล อย่างเช่นเรื่องบ้านมือสอง เป็นต้น ขณะที่ส่วน งานที่มีลักษณะเดียวกันก็จะรวมเข้ากับ ธอส.ด้วย

สำหรับความคืบหน้าในการสรรหา ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์แทนนายสัมมา คีตสิน ที่หมดวาระไป หลังจากเปิดรับสมัครมาตั้งแต่วันที่ 1-23 ธ.ค. 2559 ปรากฏว่ามีผู้มายื่นสมัครเพียงรายเดียว ทางคณะกรรมการสรรหาจึงขอขยายระยะเวลารับสมัครออกไปจนถึง 23 ม.ค. 2560 ซึ่งคาดว่าน่าจะสรรหาผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้พร้อมๆ กับการปรับโครงสร้างของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

รายงานข่าวระบุว่า ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ตั้งขึ้นหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ทำหน้าที่ในการจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เพื่อใช้ในการสร้างดัชนีและระบบเตือนภัยทางเศรษฐกิจ ป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ หรือลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้น โดย ธอส.ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินการศึกษา และได้ตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเป็นหน่วยงานอิสระระดับสายงานในสังกัด ธอส.มาตั้งแต่เดือน ส.ค. 2547

ขณะที่แหล่งข่าวจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างของศูนย์ข้อมูลจากหน่วยงานอิสระมาอยู่ในโครงสร้างของ ธอส.อย่างเต็มตัว อาจจะทำให้การเสนอข้อมูลต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบต่อนโยบายของรัฐและของ ธอส.มากยิ่งขึ้น อาจทำให้ภาคธุรกิจไม่ได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วน ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจลงทุน

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์