คอลัมน์ กระจกไร้เงา: อสังหาฯ ไตรมาส 2
Loading

คอลัมน์ กระจกไร้เงา: อสังหาฯ ไตรมาส 2

วันที่ : 12 พฤษภาคม 2560
คอลัมน์ กระจกไร้เงา: อสังหาฯ ไตรมาส 2

ศรยุทธ เทียนสี

ในไตรมาส 2 นี้ สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงเดินหน้าไปได้ ถึงแม้จะมีข่าวคราวของความไม่สงบทางภาคใต้มาคอยกระตุกต่อมความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนไปบ้าง แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจโดยรวม นั่นหมายความว่าในปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้

ในเมื่อเราคาดการณ์กันไว้ว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะโตกว่าในปีที่ผ่านมา ย่อมส่งผลให้เกิดความเชื่อต่อนักลงทุน โดยเฉพาะในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีการลงทุนและพัฒนาโครงการต่อเนื่อง ขณะที่ภาครัฐสร้างความมั่นใจด้วยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งการสร้างความชัดเจนในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุนในส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าในสายต่างๆ ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แม้ว่าปัจจัยลบเดิมๆ จะยังคงอยู่ แต่คาดว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะสามารถปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่ในปัจจุบันได้ เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่ยังทรงตัว หรือเติบโตเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ เราจะเริ่มเห็นผู้ประกอบการหลายรายเริ่มตระหนักถึงจำนวนอุปทานส่วนเกินในกลุ่มคอนโดมิเนียมราคาต่ำ และหันไปเน้นขายบ้านหรือที่อยู่อาศัยที่มีราคาสูงขึ้น เนื่องจากอุปทานที่อยู่อาศัยในตลาดระดับบนมีความอ่อนไหวต่อผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่น้อยกว่า บางรายยังมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าที่สร้างรายได้สม่ำเสมอ นอกจากนี้ ยังหันไปเน้นกลุ่มลูกค้าและต่างชาติเพื่อชดเชยกับความต้องการในประเทศที่ชะลอตัว

สำหรับในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา แม้ผู้พัฒนาโครงการอสัง หาริมทรัพย์จะทยอยเปิดโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ระบุว่า ภาพรวมสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีการชะลอตัวลงในด้านจำนวนยูนิต แต่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งพบว่ามีจำนวน 85 โครงการ ยูนิตในผังรวม 24,10 ยูนิต จำนวนยูนิตลดลง 3% แต่มีมูลค่าโครงการรวม 94,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.2%

และจากรายงานยังพบอีกว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดขายจำนวน 50 โครงการ 18,754 ยูนิต คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 77.8% ของจำนวนหน่วยโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ทั้งหมด เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 ซึ่งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดขายจำนวน 43 โครงการ 14,211 ยูนิต แบ่งเป็นบ้านจัดสรร เปิดขายใหม่จำนวน 54 โครงการ 10,601 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 38,750 ล้านบาท ลดลง 1.4% แต่มีมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้น 11.2%

ขณะที่ในส่วนโครงการอาคารชุดเปิดขายใหม่มีจำนวน 31 โครงการ 13,502 ยูนิต มีมูลค่าโครงการอาคารชุดรวม 55,880 ล้านบาท ลดลง 4.2% แต่มูลค่าเพิ่มขึ้น 31.1% ซึ่งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีโครงการเปิดขายใหม่จำนวน 18 โครงการ 10,080 หน่วย คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 74.7% ของจำนวนยูนิตโครงการอาคารชุดเปิดขายใหม่ทั้งหมดในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 58.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2 นี้ ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ต่อเนื่อง อาทิ บมจ.ศุภาลัย โดยนาย ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมผู้จัดการ กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจอสังหาริม ทรัพย์ในปี 2560 ว่า ยังมีอัตราการเติบโตได้ในทิศทางที่ดี ซึ่งคาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 2 จะมีอัตราการเติบโตดีขึ้น โดยมีปัจจัยจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ส่งผลต่อการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและกำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น

โดยในไตรมาส 2 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 6 โครง การใหม่ โดยจะเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการในต่างจังหวัดจำนวน 3 โครงการ และโครงการในกรุงเทพฯ จำนวน 3 โครงการ พร้อมกับมั่นใจยอดขายปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 27,000 ล้านบาท จะมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 29 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 37,200 ล้านบาท

ในส่วนของ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในไตรมาสแรกปี 2560 ที่ผ่านมา เริ่มมีทิศทางที่ฟื้นตัวมากยิ่งขึ้น โดยมีปัจจัยจากความชัดเจนในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนในส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าซึ่งส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 2 นี้ น่าจะขยายตัวได้ดี

ทั้งนี้ "ออริจิ้น" มีแผนดำเนินธุรกิจในไตรมาส 2 โดยการสร้างความชัดเจนในแบรนด์ "ออริจิ้น" และในโอกาสที่บริษัทดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 9 บริษัทจึงได้ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อจัดทำแบรนดิ้งแคมเปญภายใต้แนวคิด "My Life My Origin" หรือ "ชีวิตในฝันแบบที่เป็นคุณ" ซึ่งได้เตรียมเปิดตัวโครงการอีก 4 โครงการใหญ่ มูลค่ารวมกว่า 8,400 ล้านบาทอีกด้วย

คงต้องจับตาดูสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง หวังไว้เพียงว่าจะไม่มีเหตุการณ์ใดๆ มาทำให้นักลงทุน ผู้ประกอบการเกิดความไม่มั่นใจอีกเลย

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

 

 

 

ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ