เฟอร์ฯแข่งดุรับยุค4.0 สตาร์มาร์คปรับองค์กรชูเทคโนโลยี พร้อมหนุนสตาร์ทอัพ
Loading

เฟอร์ฯแข่งดุรับยุค4.0 สตาร์มาร์คปรับองค์กรชูเทคโนโลยี พร้อมหนุนสตาร์ทอัพ

วันที่ : 16 มิถุนายน 2560
เฟอร์ฯแข่งดุรับยุค4.0 สตาร์มาร์คปรับองค์กรชูเทคโนโลยี พร้อมหนุนสตาร์ทอัพ

สตาร์มาร์คฯ บุกหนักชุดครัว-เฟอร์นิเจอร์ รับยุค 4.0 ชูเทคโนโลยี พร้อมหนุนสตาร์ทอัพ เร่งขยายตลาด

นายพีรพัฒน์ ศรีสกุลภิญโญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สตาร์มาร์ค แมนูแฟคเชอร์ริ่ง เปิดเผยว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนพัฒนาทางด้านเครื่องจักร นวัตกรรมการผลิตและคลังเก็บสินค้าไปจำนวน 350-400 ล้านบาท เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงในยุค 4.0 โดยจะให้ความสำคัญกับรูปแบบการผลิตและความต้องการของลูกค้าจำนวนมากที่มีความซับซ้อนและต้องการข้อมูลระบบดิจิทัลแบบเรียลไทม์ และการบริหารจัดการข้อมูลจากระบบเทคโนโลยีผ่านโมบายแอพพลิเคชั่น

"บริษัทเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ 3D เทคโนโลยีการถอดแบบและเชื่อมต่อข้อมูลกับเครื่องจักร เทคโนโลยีการตัดที่ประหยัดที่สุด เทคโนโลยีการจัดการข้อมูลทรัพยากร การบริหารจัดการแบบเรียลไทม์ การติดตามและควบคุมดิจิทัลผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือ เทคโนโลยีระบบติดตามการขนส่ง และที่ผ่านมาบริษัทได้มีการสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่เตรียมจะเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งจะมาสนับสนุน วงการเฟอร์นิเจอร์-ชุดครัวในอีก 2 เดือนข้างหน้า" นายพีรพัฒน์ กล่าว

น.ส.นันทนา ศรีสกุลภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานขายและการตลาด บริษัท สตาร์มาร์ค แมนูแฟคเชอร์ริ่ง กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดชุดครัวและเฟอร์นิเจอร์นั้นซบเซาลงบ้างในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่ยังคงมีความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบน มาสร้างโอกาสการเพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่สัดส่วนการขายของบริษัทมาจากการขายสินค้าแบบบีทูบี หรือขายเข้าโครงการสัดส่วน 50% อีก 50% บริษัทขายผ่านกลุ่มลูกค้ารายย่อย ที่มีสาขาทั่วประเทศกว่า 140 สาขา พร้อมกับเดินหน้าทำตลาดในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี

"การผลิตชุดครัวและเฟอร์นิเจอร์จับกลุ่มลูกค้าโครงการระดับบน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมนั้นเริ่มไปได้ดีตั้งแต่ปี 2559 มาจนถึงปี 2560 ความต้องการสูงมาก โครงการหรูใช้สินค้าเราทั้งหมด แต่ก็ต้องจับตาดูว่าตลาดระดับดังกล่าวจะเติบโตได้แค่ไหน เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้มีจำกัด" น.ส.นันทนา กล่าว

สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโตไว้ 5% ปัจจุบันมียอดแบ็กล็อกหรือยอดขายสินค้ารอส่งมอบ 20 โครงการแนวสูง เฉลี่ยต่อโครงการประมาณ 400 ยูนิต ส่วนโครงการแนวราบมีจำนวน 40-50 โครงการ ซึ่งต่อปีบริษัทสามารถรับลูกค้าโครงการได้สูงสุด 45 โครงการ คิดเป็นจำนวนสินค้าที่ผลิตส่งมอบกว่า 2 หมื่นยูนิต ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวม 1.2 แสนยูนิต

อย่างไรก็ตาม ต้นทุนในการผลิตสินค้าในปีนี้ขยับเพิ่มขึ้น 5-10% ส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทตกแต่ง แต่ก็ยังไม่ได้ปรับราคาขายเนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ดีมากนัก พร้อมกันนี้ยังได้วางแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 2 ปีข้างหน้า

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์