ห่วงดอกเบี้ยต่ำคนลงทุนเสี่ยง
Loading

ห่วงดอกเบี้ยต่ำคนลงทุนเสี่ยง

วันที่ : 6 กรกฎาคม 2560
ห่วงดอกเบี้ยต่ำคนลงทุนเสี่ยง
"ห่วงดอกเบี้ยต่ำคนลงทุนเสี่ยง"

          นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วย ผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า กนง.มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปีนี้ขึ้นเป็น 3.5% จากคาดการณ์เดิม 3.4% และในปี 2561 จีดีพีโต 3.7% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้น ส่งผลให้การส่งออกขยายตัวดี คาดว่าจะขยายตัวได้ถึง 5% ในปีนี้

          "การขยายตัวทางเศรษฐกิจฟื้นตัว ชัดเจน แต่การเติบโตของเศรษฐกิจ ยังไม่กระจายตัวเท่าที่ควร ถึงจะส่งออกสูงขึ้น แต่รายได้ของแรงงานในภาค การผลิตยังไม่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อโดยรวมไม่เข้มแข็งนัก แต่การบริโภค ยังพอขยายตัวได้ ตามรายได้ภาคเกษตรที่ปรับดีขึ้น รวมไปถึงเอสเอ็มอีเองก็ยังไม่ได้รับผลดีจากเศรษฐกิจ" นายจาตุรงค์ กล่าว

          นายจาตุรงค์ กล่าวว่า แม้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยในเดือน ก.ค.ปีนี้ ติดลบอยู่ที่ 0.03% แต่ก็ยังสูงกว่าดอกเบี้ยที่แท้จริงของอินโดนีเซียและมาเลเซีย แต่ต่ำกว่าเกาหลีใต้และฟิลิปปินส์ แต่ระบบการเงินโดยรวมของไทยยังมีเสถียรภาพ สามารถรับมือกับความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจการเงินทั้งในและต่างประเทศได้ดี แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงในบางจุด อาทิ ความสามารถในการชำระหนี้ของเอสเอ็มอี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นปัญหาความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงความเสี่ยงจากพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นในช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำมานาน

          อย่างไรก็ดี ถึงไทยจะมีสภาพคล่องล้นระบบ ดอกเบี้ยต่ำแต่การลงทุน ก็ต่ำด้วย ก็ยังไม่น่าจะเป็นภาวะติดกับดักสภาพคล่อง เนื่องจากการลงทุนชะลอตัวเกิดขึ้นทั่วโลก แต่ กนง.ก็เชื่อว่า เมื่อการลงทุนภาครัฐมีการสร้างโครงข่ายรถไฟฟ้าได้เสร็จและมีการลงทุน ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ (อีอีซี) จะทำให้การลงทุนภาคเอกชน ปรับเพิ่มขึ้นได้

          นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ หัวหน้า เจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจตลาดเงิน ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า ประเมินว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยต่อไปอีก 1 ปี เพราะการลงทุนและเงินเฟ้อต่ำ ทำให้ไม่มีแรงกดดันให้ขึ้นดอกเบี้ยจนทำให้เศรษฐกิจ ที่กำลังขยายตัวดีสะดุดลง และคาดว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็น 2% ในครึ่งหลังของปี 2561

          ทั้งนี้ ที่ต้องจับตาคืออัตราดอกเบี้ยสหรัฐสูงกว่าดอกเบี้ยไทยที่ไม่เกิดขึ้นมานานแล้ว อาจจะเห็นอีกครั้งในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า เป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ตลาดเงินไทยผันผวน ผู้ส่งออก ผู้นำเข้าต้องพิจารณาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนให้รอบคอบ

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์