สมาร์ทคอนกรีตเผยตลาดอิฐมวลเบาชะลอตัว ปรับกลยุทธ์รุกตลาด CLMV เพิ่มสัดส่วนการส่งออก 3% เผยออร์เดอร์ลาวป้อนให้ดีลเลอร์ 3 รายต่อเนื่อง ส่วนกัมพูชายังมีแนวโน้มสดใส เร่งรุกตลาดผ่านสื่อออนไลน์และเจาะตรงผู้ประกอบการ นักออกแบบ และรับเหมารายย่อยพร้อมเจาะผ่านช่องทางขายใหม่เพิ่มขึ้น

นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัทสมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน):SMART เปิดเผยว่าในภาพรวมแล้วจะพบว่าตลาดอิฐมวลเบาในประเทศที่มีมูลค่ารวมประมาณ 2,000 ล้านบาทนั้นยังชะลอตัว เนื่องจากยังไม่มีการลงทุนโครงการใหม่ ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ยังเร่งการขายจากโครงการเดิม ประกอบกับงานภาครัฐยังมีความล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ภาพรวมยังไม่คึกคัก แต่มั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา และคาดว่าครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก

โดยปีนี้สมาร์ทยังปรับกลยุทธ์ดำเนินงานเพื่อเร่งยอดขายให้เติบโตอย่างน้อย 5% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 312 ล้านบาท โดยจะเน้นการขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ที่ได้นำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ป้อนให้ดีลเลอร์จำนวน 3 รายมาอย่างต่อเนื่อง เน้นลูกค้าโครงการภาครัฐราว 70% และประเทศกัมพูชาที่มีกระแสตอบรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะโครงการภาคเอกชนที่คิดเป็นสัดส่วนราว 80% ซึ่งคาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศปีนี้จะ ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 2-3% และปีหน้าคาดว่าไม่ต่ำกว่า 5%

สำหรับการรุกตลาดต่างประเทศนั้นยังทำตลาดเชิงรุกโดยให้ความรู้ในคุณภาพผลิตภัณฑ์ คุณภาพการใช้งานกับผู้ประกอบการ กลุ่มสถาปนิกด้านการก่อสร้างโครงการต่างๆ ในแต่ละพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับตลาดในประเทศก็ยังเน้นลูกค้าโครง การที่เป็นสัดส่วนหลัก  ส่วนผู้รับเหมารายกลางและรายย่อยนั้นจะให้จัดซื้อผ่านดีลเลอร์แต่ละพื้นที่มากกว่า

"ยังเจาะผ่านกลุ่มลูกค้ารายโครงการและรายย่อย ผู้ออก แบบ ผู้รับเหมาให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น โดยมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่ม "งานโครงสร้าง" และ "บล็อกตกแต่ง" ที่มีลวดลายรูป แบบต่างๆ เพื่อรองรับความต้อง การของลูกค้าแบบครบวงจร"

ปัจจุบัน สมาร์ท ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มบล็อกตกแต่งนั้นมีอยู่ 6 ลาย ประกอบด้วยมิติบล็อค คูนบล็อค สี่ช่องลม ดาวกระจาย แบมบู และพาวเวอร์บล็อค เพื่อตอบโจทย์ด้านการตกแต่งสวยงาม เทรนด์ความนิยมของงานก่อสร้างยุคปัจจุบัน

นอกจากนั้นช่วงที่ผ่านมายังจัดกิจกรรมรุกตลาดเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่กระจายออกไปสู่ภูมิภาคมากขึ้น ทั้งการออกบูธ การใช้สื่อออนไลน์กับกลุ่มลูกค้าที่มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ตลอดจนการแนะนำผลิตภัณฑ์กับกลุ่มผู้ใช้โดยตรง ขณะนี้พบว่ามีกระแสตอบรับจากผู้ประกอบการที่มี ออร์เดอร์สั่งซื้อจากโซนภาคตะวันออกที่รัฐบาลโหมกระแสการพัฒนาพื้นที่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) มากขึ้น ตลอดจนกลุ่มสถาปนิกและผู้รับเหมารายย่อย นอกจากนั้นยังเร่งพัฒนาช่องทางการ ขายใหม่เพื่อรองรับพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคในปัจจุบันและการกระจายสินค้าให้กับกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ

"ตลาดต่างประเทศลูกค้าจะมั่นใจและให้การยอมรับในแบรนด์สินค้าที่ผลิตจากไทยมากกว่าที่จะผลิตในประเทศนั้นๆซึ่งในกัมพูชานั้นคาดว่าเมื่อโครง การรถไฟไทย-กัมพูชาเปิดให้บริการน่าจะมีส่วนให้การส่งออกเพิ่มขึ้น ช่วงแรกจะทำการรุกตลาดเองเมื่ออยู่ตัวแล้วจะเปิดทางให้ผู้ประกอบการในพื้นที่นั้นๆดำเนินการหลังจากที่ได้เทรนนิ่งครบทุกขั้นตอนแล้ว โดยจะรุกโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและผ่านโครงการของเอกชนควบคู่กันไปด้วย โดยในกัมพูชาตลาดเอกชนจะโตมากกว่าส่วนสปป.ลาวโครงการภาคเอกชน จะโตน้อยกว่า ทั้งนี้สินค้าของสมาร์ทคอนกรีตในปัจจุบันมี 2 หมวดใหญ่ๆที่รุกตลาดในขณะนี้คือหมวดโครงสร้างที่มีผลิตภัณฑ์ อิฐมวลเบาและคานทับหลัง อาทิ วงกบประตู หน้าต่าง เป็นหลัก และหมวดตกแต่ง"