เร่งผลิตรับอสังหาฟื้น ตราเพชรเดินเครื่อง100% ฟลอยด์ขยายตลาดรับเหมาเพิ่ม
Loading

เร่งผลิตรับอสังหาฟื้น ตราเพชรเดินเครื่อง100% ฟลอยด์ขยายตลาดรับเหมาเพิ่ม

วันที่ : 18 ตุลาคม 2560
เร่งผลิตรับอสังหาฟื้น ตราเพชรเดินเครื่อง100% ฟลอยด์ขยายตลาดรับเหมาเพิ่ม

    กลุ่มวัสดุ-รับเหมาก่อสร้างเร่งเครื่องผลิตรับตลาด อสังหาฯ ฟื้นตัว

 

          นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่าจะปรับตัวได้ดีกว่าช่วงไตรมาส 2 และ 3 เนื่องจากกลุ่มลูกค้าจะใช้เวลาในช่วงตั้งแต่เดือน พ.ย. ปรับปรุงซ่อมแซม ที่อยู่อาศัย และผู้ประกอบการกลุ่ม ร้านค้า ร้านอาหาร จะสั่งซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างไปปรับปรุงและตกแต่งร้านใหม่ เพื่อรองรับกำลังซื้อที่คาดว่าจะฟื้นตัว ได้ดีในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี

 

          ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงปลายปีจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เริ่มลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มเติม รวมถึง การขยายตัวด้านการส่งออก ทำให้ภาคการค้าการลงทุนมีความคึกคักมากขึ้น ดังนั้นบริษัทจะเร่งการผลิตสินค้าเพื่อรับโอกาสในการขาย คาดว่าจะเดินเครื่องจักรเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 100% สำหรับการดำเนินงานในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทยังคงรักษาเป้าหมายอัตราการทำกำไรขั้นต้นเฉลี่ยที่ 25-27% ไว้ได้ แม้คาดว่าภาพรวมยอดขายจะชะลอตัวเล็กน้อย

 

          ด้าน นายทศพร จิตตวีระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟลอยด์ ผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งระบบงานไฟฟ้าและเครื่องกล กล่าวว่า รายได้ 6 เดือนแรกของปี 2560 ของบริษัท อยู่ที่ 130 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 274 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจอสังหา ริมทรัพย์ชะลอการเปิดตัวโครงการนับตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค. 2559 เป็นต้นมา จนกระทั่งไตรมาส 2 ของปี 2560 เริ่มเห็น สัญญาณบวกจากการเปิดตัวโครงการ อสังหาฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

          ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2561 จะฟื้นตัวโดยบริษัทตั้งเป้าหมายเติบโตอยู่ที่ 10-15% จากปี 2560 จากสัญญาณการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลและรถไฟฟ้าสายต่างๆ ซึ่งจะช่วยขยายความเจริญและจะส่งผลให้อสังหา ริมทรัพย์และห้างสรรพสินค้าขยายตาม รวมถึงความชัดเจนของการเลือกตั้ง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยจะส่งผลให้มีการติดตั้งงานระบบเพิ่มขึ้น

 

          ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ไปยังกลุ่มคอมมูนิตี้มอลล์ และกลุ่มงานโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้า โดยคาดหวังว่าจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 10% ของรายได้ จากปัจจุบันที่มุ่งเน้น 2 กลุ่มหลัก คือ อสังหาฯ และกลุ่มห้าง

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์