นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) รฟท. มีมติเห็นชอบให้ขยายกรอบวงเงินค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เชื่อม 3 สนามบิน โดยเป็นการอนุมัติกรอบวงเงินค่าเวนคืนเพิ่มเติมราว 300 ล้านบาท ช่วงส่วนต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์ พญาไท-สนามบินดอนเมือง ซึ่งเป็นที่ดินบริเวณรอบกรมทางหลวง (ทล.) ระยะทางราว 3 กม. ซึ่งได้ออกพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ.)กำหนดเขตเวนคืนที่ดินเรียบร้อยแล้ว อีกทั้ง รฟท. เองมีงบประมาณดำเนินการอยู่แล้ว บอร์ดสั่งการแอร์พอร์ตลิงก์ไปจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมมาเสนอที่ประชุมบอร์ดครั้งต่อไป

          ด้าน นายจเร รุ่งฐานีย รองผู้ว่าการกลุ่มบริหารรถไฟฟ้า กล่าวว่า ผลการศึกษาความเหมาะสมโครงการ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน นั้น รฟท. มีแผนก่อสร้างสถานีจุดจอดที่ จ.ฉะเชิงเทรา และ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยจะขยับพื้นที่ไปก่อสร้างสถานีในที่เอกชนและชาวบ้าน จากเดิมจะใช้พื้นที่ของ รฟท. เป็นจุดก่อสร้างเพราะเหมาะสมกว่าตลอดจนสะดวกต่อการเดินทางของประชาชนส่งผลให้ รฟท. ต้องขอเวนคืนพื้นที่เพิ่มเติม อยู่ระหว่างรอผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ จากนั้นจะเสนอโครงการเข้าที่ประชุมสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ขอความเห็นชอบก่อนตั้งคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อเปิดประมูลโครงการภายในปี 61 ตามเป้าหมายของรัฐบาล

          รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม แจ้งว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐ กิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้ขีดเส้นโครงการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. 2560 (อีอีซี แทร็ค) โดยกำหนดประกาศเชิญชวนการลงทุนให้ได้ช่วงต้นปี 61 ใน 2 โครงการ คือ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน แบบไร้รอยต่อ และโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา ที่ต้องเซ็นสัญญาทุกโครงการให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 61 หรือภายในไตรมาสที่ 3 ของปีหน้า สำหรับโครงการดังกล่าวคาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการรถไฟธรรมดา (City Line) ช่วงดอนเมืองสุวรรณภูมิ กว่า 103,920 คน/เที่ยว/วัน และมีผู้ใช้บริการรถไฟความเร็วสูง (HSR) ช่วงสุวรรณภูมิระยองถึงกว่า 65,630 คน/เที่ยว/วัน สำหรับระยะเวลาการเดินทางจากดอนเมืองถึงระยอง (หยุดทุกสถานี) ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. และจากดอนเมืองถึงระยอง (ไม่จอดระหว่างทาง) ประมาณ 1 ชม.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์