นายฮิโตชิ ทานากะ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด กล่าวว่า ไดกิ้นครองความเป็นผู้นำด้านระบบปรับอากาศเพื่อที่อยู่อาศัย และการพาณิชย์ที่คนทั่วโลกใช้บริการ ซึ่งในปีนี้บริษัทได้นำผลิต ภัณฑ์ทำความเย็นรุ่นใหม่หลากหลายประเภท ทั้งยังมีเครื่องฟอกอากาศที่จะมาร่วมเติมเต็มความต้องการใช้งานในทุกพื้นที่ทุกรูปแบบ รวมถึงนวัตกรรมที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ พร้อมประหยัดพลังงาน และหลังจากที่ออกสินค้าตัวใหม่เพื่อ ตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่พักอาศัย และเชิงพาณิชย์ ในปีงบประมาณ 2560 ที่จะจบใน เดือนมีนาคม 2561 นี้ เราคาดการณ์ว่าจะสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 5% มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท (ปี 2559 เทียบกับปี 2560) ถึงแม้ว่าในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์ลานีญ่าทำให้ตลาดเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยเกิดการชะลอตัว และจากกลยุทธ์ที่เราได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มานำเสนอ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกรูปแบบ ในปีหน้า 2561 บริษัทคาดว่าจะสามารถทำยอด ขายเติบโตขึ้นกว่า 10% ทำให้ไดกิ้น รักษาความเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 28%

ทั้งนี้ ในเทศกาลรับปีใหม่ "ไดกิ้น" ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เน้นทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ประหยัดพื้นที่ ประหยัดพลังงานด้วยระบบอัจฉริยะเหนือระดับ พร้อมทั้งยังใส่ใจเรื่องดีไซน์ ความสวยงามและความสะดวกของการติดตั้ง ได้แก่ เครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัย อาทิ เครื่องปรับอากาศแบบติดผนังรุ่น Super Smart, เครื่องปรับอากาศติดผนัง รุ่น Sabai Inverter, เครื่องปรับอากาศแบบติดเพดาน, เครื่องปรับอากาศแบบแขวนใต้ฝ้า Non-inverter ประหยัดไฟเบอร์ 5 เต็มไลน์อัพ เพื่อมุ่งขยายฐานตลาดไปสู่กลุ่มงานราชการให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเครื่องฟอกอากาศที่มาพร้อมกันถึง 3 แบบ 3 รุ่นใหม่ ที่สามารถฟอกอากาศได้ทั้งภายในและภายนอกเครื่อง ครอบ คลุมทุกขนาดห้อง

โดยเครื่องปรับอากาศที่เปิดตัวใหม่ล่าสุดนี้ไดกิ้นมุ่งเน้นเจาะ กลุ่มลูกค้าที่ใช้ภายในบ้านและกลุ่มผู้ออกแบบวิศวกรรม ที่ปรึกษา หรือ Consultant Designer และดีเวล็อปเปอร์ มากไปกว่านั้นบริษัท

ยังมุ่งมั่นที่จะรุกตลาด อินเวอร์เตอร์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2560 นี้ ไดกิ้นยังคงรักษาความเป็นผู้นำด้านตลาดอินเวอร์เตอร์ด้วย ส่วนแบ่งการตลาดที่ 23% ท่ามกลางการแข่งขันที่ ดุเดือด ผู้ผลิตทุกรายหันมาผลักดันระบบอินเวอร์เตอร์มากขึ้น เราจึงคาดว่าสัดส่วนมูลค่าตลาดระบบอินเวอร์เตอร์จะเพิ่มจาก 40% ในปี 2560 เป็น 55-60% ในปี 2561 โดยมีเป้าหมายที่ไดกิ้นยังคงเป็นผู้นำตลาดอินเวอร์เตอร์อยู่อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากยอดขายที่เติบโต ต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นว่าตลาดเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยและเชิงพาณิชย์ในเมืองไทยยังคงเติบโตขึ้นทุกปี และมีมูลค่าตลาดสูงถึงกว่า 1.5 ล้านเครื่อง และคาดว่าตลาดจะเติบโตประมาณ 5-10% จากปี 2560 โดยไดกิ้นมองว่าจะสามารถได้ส่วนแบ่งการตลาดกว่า 23 เปอร์เซ็นต์ในปี 2561 ซึ่งจะยังคงทำให้เราเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดเครื่องทำความเย็นทั้งในที่พักอาศัยและเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง โดยมาจากปัจจัยบวกต่างๆ ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มการลงทุนขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงภาคอุตสาหกรรมและโครงการอสังหาริมทรัพย์ยังคงเติบโตได้ดี โดยเฉพาะตลาดทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวที่เติบโต ขึ้นมาก