ทีโอเอ โหมเพิ่มพอร์ตรายได้รุกอาเซียน
Loading

ทีโอเอ โหมเพิ่มพอร์ตรายได้รุกอาเซียน

วันที่ : 13 กุมภาพันธ์ 2561
ทีโอเอ โหมเพิ่มพอร์ตรายได้รุกอาเซียน

ทีโอเอ ระบุตลาดสีทาอาคารในปี 61 เติบโตแน่นอน ระบุไม่เกิน 3-5 ปี รายได้จากตลาด ต่างประเทศขยับเป็น  28% หลังแผนเปิดโรงงานผลิตในอินโดนีเซีย-พม่า-กัมพูชาตามกำหนด พร้อมสร้างความคึกคักให้กับตลาดสีช่วงต้นปี 61 เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์หนุ่มสุดฮอต "กันต์ กันตถาวร" ต้อนรับวันแห่งความรัก "Love Renovation" แต่งก่อนอยู่ กับสีซุปเปอร์ชิลด์ สีน้ำ อะคริลิก รุกตลาดรีโนเวตบ้านเก่า มีมูลค่าของค่าสีกว่า 7,680 ล้านบาท

นายพงษ์เชิด จามีกรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดสีทาอาคารในภูมิภาคอาเซียน ที่มีส่วนแบ่งการตลาดในไทยสูงสุดถึง 48.7% จากมูลค่ารวมกว่า 19,200 ล้านบาท กล่าวถึงแนวโน้มตลาดสีในปี 2561 ว่า มีแนวโน้มเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเติบโตของโครงการแนวราบที่มากขึ้น จะส่งผลดีต่อรอบการหมุนของการใช้สี ขณะที่โครงการอาคารชุดจะต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปี ทำให้คาดว่า มูลค่าตลาดสีทาอาคารในปีนี้จะมากกว่า 20,000 ล้านบาท

"นโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี จะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นการลงทุนเข้ามาในไทย ทำให้เกิดการสร้างที่อยู่อาศัย การบริโภคที่จะตามมา ซึ่งดีกับตลาดวัสดุก่อสร้างทั้งระบบ และแน่นอนตลาดสีซึ่งอยู่ในช่วงท้าย จะได้รับผลประโยชน์จากการลงทุน เพียงแต่ว่า ทุกอย่างต้องรอความชัดเจน"

สำหรับความคืบหน้าการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน นายพงษ์เชิดกล่าวว่า ทุกอย่างเดินตามแผน โดย 3 โรงงาน ที่จะเปิดในปีนี้ ได้แก่ ในประเทศอินโดนีเซียเปิดในเดือน มิ.ย. มีกำลังการผลิต 7.7 ล้านแกลลอนต่อปี ประเทศพม่าเปิดก.ย.มีกำลังการผลิต 4 ล้านแกลลอนต่อปี และในประเทศกัมพูชาเปิดปลาย ธ.ค.นี้ มีกำลังการผลิต 3 ล้านแกลลอนต่อปี รวม 3 โรงงานมีกำลังการผลิต 14.7 ล้านแกลลอน ต่อปี และเมื่อรวมกับกำลังการผลิตในประเทศอีก 88 ล้านแกลลอนต่อปี จะทำให้ทีโอเอ เป็นผู้นำที่มีกำลังรวมสูงถึง 102 ล้านแกลลอนต่อปีตามแผนระยะ 3-5 ปีข้างหน้า

"โรงงานในต่างประเทศ ต้องใช้เวลาในการผลิต แต่คาดว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้า สัดส่วนกำลังการผลิตในต่างประเทศจะอยู่ที่ 28% เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเท่าตัว และในประเทศจะมีสัดส่วนลงมาเหลือ 72% และคาดว่าโครงสร้างรายได้จะอยู่ในสัดส่วนเดียวกัน"

ในส่วนของกิจกรรมทางการในปีนี้ ทางบริษัททีโอเอ ได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ "Love Renovation" ชวนคู่รักทุกเพศ ทุกวัย ร่วมกิจกรรม "แต่งก่อนอยู่" ปลุกกระแสคู่รักให้ตื่นตัว และหันมาสนใจการตกแต่งที่อยู่อาศัย อาทิ เรือนหอ ให้มีความพร้อมก่อนถึงวันสำคัญในการเริ่มต้นชีวิตคู่ โดยสีซุปเปอร์ชิลด์ ซึ่งเป็นสีน้ำอะคริลิกแท้ 100% ที่มาพร้อมกับสุดยอดเทคโนโลยี Ti-Pure ไทเทเนียม 3 ชั้น ช่วยกันร้อน กันล่อน กันคราบดีเยี่ยม และมีความคงทน ยาวนานถึง 15 ปี จะช่วยประหยัดเงินได้ถึง 38,500 บาท โดยคาดว่าแคมเปญนี้จะช่วยสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นและเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15% ของยอดขายผลิตภัณฑ์สีซุปเปอร์ชิลด์ นอกจากนี้ ทางบริษัทฯได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์หนุ่มสุดฮอตคนใหม่ "กันต์ กันตถาวร" ของสีซุปเปอร์ชิลด์ ภายใต้ คอนเซ็ปต์ "สีสารพัดกัน"

จากผลสำรวจโดย Frost & Sullivan พบโอกาสเติบโตของตลาดบ้านเก่า ที่ผู้บริโภคจะหันมาทาสีซ้ำใหม่ (Repaint) มีสัดส่วนสูงถึงประมาณ 80% เพราะปัจจุบัน ผู้บริโภคจะทาสีบ้านซ้ำใหม่ ในช่วงระยะเวลาที่เร็วขึ้นประมาณ 5-7 ปีต่อครั้ง โดยตามข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุที่อยู่อาศัยเก่า 6 ปีย้อนหลังตั้งแต่ปี 2550-2555 มีจำนวนรวมกว่า 565,000 หน่วย ซึ่งสามารถคิดเป็นจำนวนบ้านเก่าที่มีโอกาสทาสีซ้ำใหม่ 135,170 หน่วย หรือคิดเป็นมูลค่าของค่าสีกว่า 7,680 ล้านบาท

 
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา