เมกะฯรถไฟฟ้าหนุนรังสิต-ลำลูกกาบูม 'ลลิล'ผุดโครงการแนวราบรับกำลังซื้อ
Loading

เมกะฯรถไฟฟ้าหนุนรังสิต-ลำลูกกาบูม 'ลลิล'ผุดโครงการแนวราบรับกำลังซื้อ

วันที่ : 30 เมษายน 2561
เมกะฯรถไฟฟ้าหนุนรังสิต-ลำลูกกาบูม 'ลลิล'ผุดโครงการแนวราบรับกำลังซื้อ

ลลิลฯ เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยปี 61 เติบโต ภาคอสังหาฯ รับอานิสงส์คาดโต 5-8% ด้านลลิลฯ เผยไตรมาสแรกกวาดยอดขาย 1,500 ล้านบาท มั่นใจสิ้นปีรายได้ 4,000 ล้านบาทชี้แนวโน้มอสังหาฯ โซนรังสิต-ลำลูกกาเร่งเปิด 'ลลิล ทาวน์ (LALIN Town) และไลโอ (LIO) ลำลูกกา คลอง 4-5 รองรับกำลังซื้อ

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัทลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)  (LALIN) เปิดเผยว่า ภาพรวม ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาว่า เศรฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา การส่งออกโต กำลังซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้น อีกทั้งหนี้สินครัวเรือนเริ่มเห็นสัญญาณการปรับตัว ลดลง ส่งผลบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ปัจจัยภายนอกเริ่มคลี่คลายขึ้น โดยเฉพาะ 2 ผู้นำเกาหลีเหนือ-ใต้ เดินทางข้ามแดนพบกันในรอบ 65 ปี ทำให้เชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดสงครามขึ้น

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 61 คาดว่าจะเติบโตได้ 5-8% ซึ่งโดยปกติแล้วภาคอสังหาริมทรัพย์จะเติบโต 1-1.5 เท่าของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ซึ่ง GDP ในปีนี้ตามที่หน่วยงานภาครัฐได้คาดการณ์ไว้จะเติบโตอยู่ที่ 4-4.5%

ในส่วนของบริษัทลลิลฯ สามารถสร้างยอดขายในไตรมาส 1 ได้ 1,400-1,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยทั้งปีตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 4,500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้เปิดโครงการแนวราบใหม่ 1 โครงการ มูลค่า 450 ล้านบาท ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ประกอบกับในช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา มีการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯทำให้มียอดขายเข้ามาเพิ่ม "บริษัทยังมั่นใจยอดขายไนปีนี้ทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ 4,500 ล้านบาท และในช่วงไตรมาส 2 บริษัทวางแผนเปิดโครงการแนวราบใหม่อีก 1-2 โครงการ มูลค่ารวม 1,200 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในทำเลกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก โดยแผนทั้งปีจะเปิด 8-10 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท หลักๆ 70-80% จะอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่เหลือกระจาย ในตลาดจังหวัด ส่วนรายได้จะได้ตามเป้า 4,000 ล้านบาท เกือบทั้งหมดมาจากการโอนโครงการแนวราบเป็นหลัก โดยมูลค่ายอดขายรอโอนทั้งหมดอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนเข้ามาในปีนี้"

นอกจากนี้ บริษัทยังมองเห็นศักยภาพของทำเลกรุงเทพฯตอนเหนือ ย่านถนนรังสิต-ลำลูกกา ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ที่มีความเจริญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลดังกล่าวเพิ่มขึ้นมาก และจะมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทได้เข้ามาพัฒนาในทำเลดังกล่าว 10 ปี  ปัจจุบันมี 2 โครงการที่อยู่ระหว่างการขายได้ แก่  โครงการ 'ลลิล ทาวน์ (LALIN Town) และไลโอ (LIO) ลำลูกกา คลอง 4-5 โครงการมิกซ์ยูสที่ผสมระหว่างบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ และทาวน์โฮมแนวคิดใหม่ และโครงการลลิล ทาวน์ ไลโอ ลำลูกกา คลอง 4-5 มีจำนวน 417 ยูนิต บนพื้นที่โครงการ 44 ไร่ เป็นทาวน์โฮมแนวคิดใหม่ และบ้านเดี่ยว 2 ชั้น โดยบริษัทได้เปิดขายเฟสแรก จำนวน 60 ยูนิตไปแล้ว มูลค่า 200 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮมสัดส่วน 70% และอีก 30% เป็นบ้านเดี่ยว มีลูกค้าเข้ามาซื้อทั้งหมดแล้ว

ในส่วนของจำนวนซัปพลายด์โครงการแนวราบที่อยู่ในทำเลรังสิต-ลำลูกกานั้น ปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 7,000-8,000 ยูนิต ซึ่งมีบางยูนิตที่ยังไม่ได้สร้าง แต่มีการขายไปแล้ว เป็นยูนิตที่สร้างแล้วเสร็จจะมีอยู่เพียง 1,000-1,200 ยูนิต โดยที่อัตราการดูดซับอยู่ที่ 50% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด 7,000-8,000 ยูนิตคาดว่าจะดูดซับจนหมด 1-1.5 ปี

ด้านราคาขายโครงการมีการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ย 5-10% ต่อปี ในขณะที่ราคาต้นทุนที่ดินมีอัตราการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงมากกว่าการปรับเพิ่มของราคาขายโครงการ โดยราคาที่ดินในทำเลรังสิต-ลำลูกกา ปรับเพิ่มขึ้น 10-20% ต่อปี หรือปัจจุบันราคาขายที่ดินอยู่ที่ 4-5 ล้านบาท/ไร่ เนื่องจากความเจริญที่เพิ่มมากขึ้น การลงทุนโครงการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าที่เข้าใกล้ในพื้นที่ดังกล่าว ที่มีรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่คูคต) และสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต-ม.ธรรมศาสตร์) ที่มีกำหนดสร้างเสร็จในปี 2563 ประกอบกับมีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆเข้ามาหาซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการเพิ่มมากขึ้น

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
ข่าวพัฒนาสาธารณูปโภค อื่นๆ