จับตาดีมานด์วัสดุก่อสร้างพุ่งครึ่งปีหลัง หวั่นกระทบต้นทุนก่อสร้างขยับ ยันอสังหาฯ รายใหญ่ไม่กระทบเหตุเจรจารับเหมายาวล็อกราคาล่วงหน้า

นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์และที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า หากภาคการก่อสร้างมีงานเข้ามามากหรือมีดีมานด์มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จะทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากมีความต้องการใช้สูง จึงเห็นได้ว่า การขึ้นราคาวัสดุก่อสร้างไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นเพียงอย่างเดียว โดยล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณแล้วว่าราคาเหล็กเส้นขยับขึ้นบ้าง แต่เป็นเพียงการขึ้นเพียงเล็กน้อยในช่วงเวลานี้

"ราคาน้ำมันที่ส่งสัญญาณขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้ว มาจนถึงปัจจุบันอยู่ประมาณ 70 ดอลลาร์ บาร์เรล ถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันให้วัสดุก่อสร้างในภาครับเหมาก่อสร้างมีต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ไม่ใช่เป็นปัจจัยเดียว เพราะหากสินค้าดังกล่าวมีดีมานด์ค่อนข้างน้อย ราคาก็จะไม่ปรับขึ้นตาม หรือปรับขึ้นก็เพียงเล็กน้อย จึงยังไม่น่ากังวลมากนัก" นายอิสระ กล่าว

ด้าน นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นในขณะนี้ จะยังไม่กระทบกับผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในตลาด เนื่องจากมีการเจรจาและวางแผนร่วมกับผู้รับเหมาไว้ล่วงหน้าว่าทั้งปีจะมีการพัฒนากี่โครงการ และการล็อกราคาค่าใช้จ่ายต่างๆ ไว้ล่วงหน้าแล้ว

อย่างไรก็ตาม อาจมีผลกระทบบ้างจากปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีความผันผวน เช่น ค่าจ้างแรงงานที่ส่งผลให้ต้นทุนในการก่อสร้างขยับขึ้นแล้ว 1.5% แต่ก็ยังสามารถรับได้เพราะไม่ได้ปรับสูงมากขึ้น และเชื่อว่าปัญหาดังกล่าวจะเกิดกับผู้ประกอบการรายรับเหมาก่อสร้างขนาดเล็กที่ไม่สามารถล็อกราคาต่างๆ ล่วงหน้าได้

นายปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการ ผู้จัดการอาวุโส แผนธุรกิจใหม่และวางแผนกลยุทธ์ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาวัสดุก่อสร้างยังทรงตัว ยังไม่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่หากราคาน้ำมันยังเพิ่มขึ้นต่อ

เนื่องอาจจะส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้างปรับขึ้นได้ในช่วงที่เหลือของปี เพราะราคาน้ำมันจะส่งผลต่อต้นทุนทั้งวัตถุดิบและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น

สำหรับแผนการปรับตัวของบริษัทนั้น หากพบเห็นสัญญาณว่าราคาวัสดุก่อสร้างจะปรับขึ้น บริษัทจะมีการสต๊อกวัสดุก่อสร้างเพื่อล็อกราคา โดยเฉพาะเหล็กเส้นที่อาจจะเห็นปรับขึ้นก่อน

ทั้งนี้ ปัจจุบันงานก่อสร้างในมือที่บริษัทมีอยู่นั้น ส่วนใหญ่เป็นโครงการก่อสร้างของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งมีการระบุค่า K หรือตัวเลขดัชนีที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของค่างานอยู่แล้ว ดังนั้นหากราคาต้นทุนปรับเพิ่มขึ้นก็จะได้รับการชดเชย ทำให้บริษัทคาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก หากต้นทุนวัสดุก่อสร้างปรับขึ้นตามราคาน้ำมันที่ขยับขึ้น