แห่ปั้นคอนโดฯลักชัวรี่ รับทำเลทองที่ดินราคาพุ่ง
Loading

แห่ปั้นคอนโดฯลักชัวรี่ รับทำเลทองที่ดินราคาพุ่ง

วันที่ : 21 กรกฎาคม 2561
แห่ปั้นคอนโดฯลักชัวรี่ รับทำเลทองที่ดินราคาพุ่ง

วุฒิชัย มั่งคั่ง

ระยะเวลาที่แสนจะรวดเร็วและเข้าสู่ครึ่งหลังปี 61 เป็นที่เรียบร้อย หลากหลายโครงการเริ่มทยอยออกมาเป็น รูปเป็นร่างมากขึ้นตามแผนงานต่าง ๆ ที่ถูกกำหนดไว้โดยเฉพาะ ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เร่งขนผลิตภัณฑ์ออกมานำเสนอผ่านโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ หรือบ้านเดี่ยวเพื่อให้ผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัย หรือแม้แต่นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาให้เลือกจับจองเป็นจำนวนมาก ส่วนราคาขึ้นอยู่กับทำเลทองหากสะดวกต่อการเดินทาง เช่น ใกล้รถไฟฟ้า หรือรถไฟใต้ดินราคาก็จะขยับเพิ่มขึ้นมาทันที

ตอกเสาเข็มที่อยู่อาศัย

ต้องยอมรับว่าปีนี้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่างหมายมั่นปั้นมือเปิดโครงการออกมาเป็นจำนวนมาก สะท้อนจากการรวบรวมข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคาร สงเคราะห์ (ธอส.) พบว่าแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยปี 61 คาดว่าจะขยายตัวได้ดีขึ้นโดยมีมูลค่าลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 29 บริษัทพบว่ามีมูลค่ารวม 611,800 ล้านบาท คิดเป็น 460 โครงการ แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ 330 โครงการ และคอนโดมิเนียม 130 โครงการโดยส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

ขณะเดียวกันยังพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่หันมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรูปแบบทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้นเพราะเป็นโครงการที่รองรับกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางขึ้นไปที่ต้องการที่อยู่อาศัยแบบครอบครัวส่วนคอนโดมิเนียมก็ยังคงขยายตัวต่อเนื่องตามแนวรถไฟฟ้า ผ่านการลงทุนด้วยบริษัทเองหรือเป็นรูปแบบกิจการร่วมค้า หรือ จอยเวนเจอร์ โดยปัจจุบันมีการพัฒนาคอนโดมิเนียมแบบ ลักชัวรี่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัย และนักลงทุนต่างชาติ

พัฒนาตามราคาที่ดิน

ส่วนสาเหตุทำไมคอนโดมิเนียมปัจจุบันเริ่มพัฒนาเป็น ลักชัวรี่นั้น นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ภาพรวมครึ่งปีแรกคาดว่ามีคอนโดมิเนียมเกิดใหม่จากผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายย่อยประมาณ 30,000 หน่วย ส่วนความต้องการที่อยู่อาศัยก็ยังขยายตัวดีต่อเนื่องโดยเฉพาะการพัฒนาคอนโดมิเนียมแบบลักชัวรี่เพิ่มขึ้นมาจากราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องพัฒนาโครงการและปรับเปลี่ยนรูปแบบที่อยู่อาศัยให้มีความหรูหราตามไปด้วยโดยปัจจุบันยังมีปริมาณที่ไม่เยอะ

สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมแบบลักชัวรี่จะเป็นคนไทยและชาวต่างชาติ เนื่องจากการเดินทางที่สะดวกใกล้กับระบบขนส่งมวลชนต่าง ๆ โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่องและมีจำนวนมากขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 30-40% จากเดิม 20% เท่านั้น โดยปัจจัยหลักมาจากราคาที่ถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับตลาดในประเทศทำให้การซื้อคอนโดมิเนียมเสมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 เพื่อพักผ่อนและปล่อยเช่า

ไม่เกิดภาวะฟองสบู่

นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ประกอบการคอนโดมิเนียม เริ่มหันมาทำตลาดแนวราบ ทั้งทาวน์เฮาส์ หรือบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น มองว่าเป็นการเพิ่มช่องทางและการตลาดให้กับธุรกิจผ่านการปรับพอร์ตและเพิ่มความหลากหลายของสินค้าส่วนการที่ผู้ประกอบการแข่งขันกันเปิดโครงการจำนวนมากเชื่อว่าจะไม่ส่งผลให้เกิดภาวะฟองสบู่ เนื่องจากของทุกอย่างมีราคาซึ่งปัจจุบันอสังหาริมทรัพย์สามารถเลือกซื้อได้ตามราคาที่มีอยู่ ผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ไม่ได้เป็นการเก็งกำไรเหมือนแต่ก่อน

คอนโดฯ ลักชัวรี่ร่วมทุน

ส่วนครึ่งหลังปี 61 พบว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทยอยเปิดโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าเพราะยังมีความต้องการสูงขึ้นทุกปี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ เริ่มจากบมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ร่วมทุนกับกลุ่ม ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์คอร์เปอร์เรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวปีติ เอกมัยโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่แบรนด์ใหม่ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นที่ 4.45 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 170,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าระดับบนและนักลงทุนต่างชาติเลือกที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง

ทั้งในส่วนของ บมจ.แสนสิริ ร่วมกับบริษัท โตคิวคอนสตรัคชัน จำกัด เปิดตัว เอ็กซ์ที คอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ พร้อมกัน 3 โครงการบนทำเล มูลค่ารวม 21,000 ล้านบาท แบ่งเป็นทำเล เอกมัยตั้งอยู่ห่างจากสถานีบีทีเอสเอกมัย 1.5 กิโลเมตร ราคาเริ่มต้น 4.59 ล้านบาท, ทำเลห้วยขวาง ตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที ห้วยขวาง 75 เมตร ราคาเริ่มต้น 3.69 ล้านบาท และทำเลพญาไท ตั้งอยู่ห่างจากสถานีแอร์พอร์ตเรลลิงก์ราชปรารภ 500 เมตร และสถานีบีทีเอส พญาไท 600 เมตร ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาทเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ทยอยเปิดโครงการใหม่

ขณะที่ บมจ.สิงห์ เอสเตทเปิดโครงการคอนโดมิเนียม ลักชัวรี่โลว์ไรซ์ ภายใต้แบรนด์ใหม่ "อีส" รองรับพฤติกรรมของลูกค้าที่เน้นการอยู่อาศัยจริง ได้แก่ อีส สุขุมวิท 43 พัฒนา บนพื้นที่ 1 ไร่ สูง 7 ชั้น 2 อาคาร รวม 107 ยูนิต มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ราคาขายเริ่ม 13.99 ล้านบาท และจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 4 ปีนี้คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาส 4 ปี 63

ด้าน บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) โครงการร่วมทุนกับมิตซูบิชิ จิโช เรสซิเดนซ์ บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม ระดับลักชัวรี่ มูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการไลฟ์ ลาดพร้าว แวลลีย์ ตั้งอยู่ตรงข้าม กับศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ราคาเริ่มต้น 3.49 ล้านบาท และโครงการไลฟ์ อโศก ไฮป ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีพระราม 9 มูลค่าโครงการ 5,700 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท

ต้องยอมรับว่าปัจจุบันที่ดินที่ติดถนนใหญ่ หรือติดรถไฟฟ้ามีความต้องการสูง ส่งผลให้ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นตลอดเวลา ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวสร้างมูลค่าคอนโดมิเนียม ด้วยการเพิ่มความหรูหรา รองรับกลุ่มลูกค้าทั้งจากผู้ที่ซื้อเพื่อ พักอาศัยเอง ชาวต่างชาติ และกลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาจับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์