สิงห์ฯผุดบ้านหรู300ล.25หลังเจาะกลุ่มเศรษฐี
Loading

สิงห์ฯผุดบ้านหรู300ล.25หลังเจาะกลุ่มเศรษฐี

วันที่ : 4 กันยายน 2561
สิงห์ฯผุดบ้านหรู300ล.25หลังเจาะกลุ่มเศรษฐี

กำลังซื้อเศรษฐีแรงไม่ตก "สิงห์เอสเตท" เดินหน้าปั้นแฟล็กชิพโปรเจค สร้างแบรนด์บ้านเดี่ยวสุดหรู "สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส" จับกลุ่มเป้าหมายคนรวยมีสินทรัพย์ "พันล้านบาท" ราคาขายหลังละ 245-360 ล้านบาท 25 ยูนิต สร้างชุมชนส่วนตัว 45 ไร่ มูลค่าหมื่นล้าน เผยยังไม่เปิดขายอย่างเป็นทางการลูกค้าจองแล้ว 3 หลัง มูลค่าพันล้าน

การปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ ในหลายปีที่ผ่านมา ขยายอาณาจักรจากเครื่องดื่มเบียร์ที่มียอดขาย "แสนล้านบาท" สู่ธุรกิจอาหาร, อสังหาริมทรัพย์, โลจิสติกส์ ฯ เริ่มเห็นการติบโตในธุรกิจใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะอสังหาฯ ที่นอกจากซื้อและควบรวมกิจการโรงแรม ยังพัฒนาโปรเจคใหม่ๆต่อเนื่อง งัดแลนด์แบงก์ที่มี ซื้อเพิ่ม เพื่อก้าวสู่เป็น 1 ในผู้เล่นยักษ์ใหญ่ของแวดวงอสังหาฯเมืองไทย

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวระดับอัลตร้าลักชัวรีแบรนด์ใหม่ "สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส" บนเนื้อที่ 45 ไร่ บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม จำนวน 25 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท ราคาขายตั้งแต่ 245-360 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวบริษัทต้องการปั้นให้เป็น ผลงานชิ้นเอก เป็นแบรนด์และโปรดักท์เรือธงหรือแฟล็กชิพของบริษัทที่เป็นบ้านเดี่ยว ราคาแพงสุด มีคุณภาพเขตกรุงเทพฯ และลูกบ้านที่จะเข้ามาอาศัยโครงการนี้จะต้องผ่าน การพิจารณาและคัดสรรคุณสมบัติก่อน

โอนที่จากบุญรอดเมื่อ 4ปีก่อน

ทั้งนี้ ที่ดินดังกล่าวที่นำมาพัฒนา ถือเป็นที่ดิน 1 ใน 3 แปลงแรกของบริษัท ซึ่งได้รับโอนมาจากบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ เมื่อ 4 ปีก่อน และถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงมาก การคมนาคมใกล้กับทางด่วน มีห้างค้าปลีกรายล้อมในรัศมีใกล้เคียง

ขณะที่การใช้แบรนด์ "สันติบุรี" มาใช้ เพราะมั่นใจในแบรนด์ ชื่อเสียง ตลอดจนความ ใส่ใจในรายละเอียดของเจ้าของและผู้ก่อตั้งแบรนด์คือ "นายสันติ ภิรมย์ภักดี" แม่ทัพใหญ่ ของกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ และผู้ก่อตั้ง เจ้าของแนวคิดในการสร้างอาณาจักร "สิงห์ เอสเตท" ขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

"สิงห์ เอสเตท ยังคงเดินตามนโยบายในการ ก้าวสู่การเป็น Leading Premiere Brand มุ่งส่งมอบบ้านคุณภาพ พิถีพิถัน ใส่ใจรายละเอียด นี่คือแบรนด์สิงห์ และยังสอดคล้องกับดีเอ็นเอ ที่ถ่ายทอดจากแบรนด์สิงห์ จากคุณสันติ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัท และเป็นเจ้าของแนวคิดในการพัฒนาอสังหาฯ

ยันกำลังซื้อเศรษฐีไม่ตก

นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร สายงานพัฒนาธุรกิจที่อยู่อาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า หากมองภาพรวมอสังหาฯ ปีนี้ตลาดเซ็กเมนต์ระดับบนยังขยายตัวได้ เพราะเศรษฐียังคงมีกำลังซื้อ แม้ที่ผ่านมาจะมีปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สงครามการค้า ตลาดหุ้นมีความผันผวน แต่ไม่ได้ส่งผลให้เศรษฐีรวยน้อยลง เพียงแต่เป็นปัจจัยที่กระทบความเชื่อมั่นบ้างเล็กน้อย

สำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาฯบนที่ดิน 45 ไร่แปลงนี้ เดิมจะปั้นบ้านเดี่ยวระดับบน ที่ราคาไม่แพงนัก แต่บริษัทได้ปรับแผนใหม่ใช้ศักยภาพที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะในอนาคตบนถนนประดิษฐ์มนูธรรมจะมีรถไฟฟ้าสายต่างๆ เช่น สีชมพู เปิดใช้ภายใน 2 ปีข้างหน้า สายสีน้ำตาลที่กำลังศึกษาความเป็นไปได้ และสายสีเทาจะผ่านหน้าโครงการ เป็นต้น ขณะเดียวกันบริษัทต้องการปั้นโปรเจคสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซสให้เป็นแฟล็กชิพ เพื่อต่อยอดโครงการแนวราบที่เป็นบ้านเดี่ยวหรูระดับราคา 100 ล้านบาทโครงการอื่นๆเพิ่ม

ชุมชนมหาเศรษฐีหมื่นล้าน

ทั้งนี้ โครงการสันติบุรี เรสซิเดนเซส มีจำนวน 25 ยูนิตเท่านั้น แต่ละหลังจะปลูกบนเนื้อที่ 1 ไร่ ภายใต้แบบบ้าน 3 แบบ ซึ่งลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนหรือเทเลอร์เมดได้ตามต้องการ ด้านจุดเด่นของโครงการนอกจากความเป็นส่วนตัว การดูแลความปลอดภัยแล้ว จัดการเก็บขยะให้โดยไม่ต้องรอหน่วยงานรัฐ เพื่อให้ลูกบ้านมีความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามาในพื้นที่ การที่ลูกค้าจะเข้ามาซื้อบ้านในโครงการแห่งนี้จะต้องผ่านการพิจารณาคุณสมบัติก่อน ประวัติไม่ด่างพร้อย เพื่อไม่ให้การอยู่อาศัยต้องรบกวนเพื่อนบ้าน เพราะเศรษฐีต้องการความเป็นส่วนตัวสูง และลูกค้าที่มีศักยภาพจะซื้อโครงการแห่งนี้ได้ เบื้องต้นประเมินว่าต้องมีสินทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท นั่นหมายความว่า 25 หลังที่ขาย จะเป็นแหล่งรวมเศรษฐีหมื่นล้านบาท

"เราได้วิจัยเชิงด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเศรษฐีกว่า 20 คน เพื่อถามความต้องการเชิงลึกหรืออินไซต์เกี่ยวกับการอยู่อาศัยบ้าน ซึ่งปัญหาหรือ Pain point ที่ผู้บริโภคพบว่าคือไม่สามารถเลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นแบบบ้าน ที่ดินมาแบบไหนก็ต้องกำหนดสร้างบ้านตามที่ผู้พัฒนาโครงการกำหนด การเจรจากับผู้อยู่อาศัยและโครงการโดยรอบ กรณีก่อสร้างบ้านเอง เป็นต้น"

บ้านเดี่ยวทุบสถิติ"แพงสุด"

สำหรับโครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ยกชั้นว่าเป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวแพงสุด จากโครงสร้างของราคา ดังนี้ ราคาที่ดิน 1 ไร่ มูลค่า 120 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 3 แสนบาทต่อตารางวา ที่เหลือเป็นมูลค่าของการก่อสร้าง บ้านออกแบบโดยสถาปนิกไทยชื่อดังอย่าง A49 มีการนำสถาปัตยกรรมแบบลักชัวรี โมเดิร์น ทรอปิคอลมาใช้ เพื่อสอดคล้องกับสภาพอากาศของประเทศไทย ส่วนวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ภายในบ้าน ล้วนเป็นท็อปแบรนด์ เช่น สุขภัณฑ์แบรนด์ Villeroy & Boch, ตู้เย็น SUBZERO, เครื่องชงกาแฟ และเตาอบ WOLF เป็นต้น

"แบรนด์ที่ใช้ไม่สำคัญเท่ากับฟังก์ชันที่เราให้ลูกค้า เพราะลูกค้าระดับบนที่เป็นมหาเศรษฐี ต่อให้ใช้ก๊อกน้ำแบรนด์ดัง แต่ต้องรอน้ำร้อน 3 นาที ก็ไม่ตอบโจทย์ความต้องการแล้ว ดังนั้นน้ำจะต้องร้อนทันที"

จองแล้ว3หลังมูลค่าพันล้าน

โครงการดังกล่าว ได้เปิดให้ลูกค้าจับจองและเข้าคิวเยี่ยมชมโครงการแล้วไม่ต่ำกว่า 100 คน และล่าสุดได้มียอดจองแล้ว 3 หลัง มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นเป็น ทายาทเจเนอเรชั่น 4ของตระกูลภิรมย์ภักดี (รุ่นเดียวกับภูริต-ปิติ ภิรมย์ภักดี) โดยลูกค้าใช้เวลาไม่ถึง 1 เดือนในการตัดสินใจซื้อ

"เวลาเศรษฐีจะตัดสินใจซื้อบ้าน สิ่งแรกที่ให้ความสำคัญคือเรื่องของทำเล เพราะทำเล เปลี่ยนไม่ได้ แต่แบบบ้านเปลี่ยนได้ ขณะที่ เศรษฐกิจที่อยู่กรุงเทพฯโซนตะวันออก ก็จะอยู่ ในโซนนั้น ไม่ค่อยข้ามโซน แต่การบุกตลาดบ้านเดี่ยวระดับอัลตร้าลักชัวรี เราต้องการกลุ่มลูกค้าเศรษฐีข้ามโซนมาอยู่เหมือนกัน"

สำหรับโครงการดังกล่าวเปิดให้ลูกค้าเยี่ยมชมและจองอย่างเป็นทางการแล้ว หลังทำตลาด คาดว่าภายใน 1 ปีจะปิดการขายหมด และจากนั้น คาดว่าใช้เวลาอีกราว 1 ปีเศษเพื่อก่อสร้างจนแล้วเสร็จ โดยรายได้จากโครงการจะมาจากค่าที่ดิน ซึ่งปีนี้คาดว่ารับรู้ราว 600-700 ล้านบาท ที่เหลือจะรับรู้เป็นค่าก่อสร้าง

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโปรเจคบ้านเดี่ยวสุดหรูหราครั้งนี้ บริษัทมุ่งหวังในเรื่องของการสร้างแฟล็กชิพแบรนด์ แฟล็กชิพโปรดักท์ สร้างโปรไฟล์และความเชื่อมั่นให้แบรนด์ที่มีต่อผู้บริโภคในตลาดบน ส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ในอัตราทั่วไปไม่ต่ำกว่า 30% แต่กำไรสุทธิคาดว่าไม่อยู่ในระดับสูงนัก

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ