เพซ ลุยต่ออสังหาหรู
Loading

เพซ ลุยต่ออสังหาหรู

วันที่ : 22 กันยายน 2561
เพซ ลุยต่ออสังหาหรู

เพซฯ ลั่นพร้อมผุดโครงการใหม่ เน้นนวัตกรรม-ทำเลตรงกลุ่ม เป้าหมาย ล่าสุดจับมือเกเบอริท นำนวัตกรรมเสริมหวังเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน

นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า สถานการณ์บริษัทในปัจจุบันผ่านจุดที่น่าเป็นห่วง โดยที่ผ่านมาได้มีการขายทรัพย์สินขนาดใหญ่ทำให้เหลือหนี้สินในตอนนี้อยู่ราวหมื่นล้านบาทจากหนี้สินทั้งหมดกว่า 2 หมื่นล้านบาท

ขณะที่หลังจากนี้บริษัทจะเดินหน้าพัฒนาโครงการที่มีอยู่ให้แล้วเสร็จ โดยปัจจุบันมียอดแบ็กล็อกกว่า 1 หมื่นล้านบาท จาก 4 โครงการที่ทยอยโอนและรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2561 และมีสต๊อกที่รอขายอีก 6,690 ล้านบาท

สำหรับปี 2562 จะเริ่มมองหาการลงทุนใหม่ๆ โดยพัฒนาอย่างระมัดระวังและยังเน้นการพัฒนาโครงการระดับ ลักซ์ชัวรี่ที่มีความแตกต่าง โดยนำเรื่องของเทคโนโลยีนวัตกรรมและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเข้ามาใช้กับโครงการบนทำเลศักยภาพตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งการก่อสร้างสามารถจบใน 3 ปี คาดว่าจะได้เห็นการลงทุนอย่างน้อย 1 โครงการ มูลค่า 5,000-1 หมื่นล้านบาท

"แหล่งเงินทุนที่รองรับการพัฒนาโครงการที่เป็นสินเชื่อโปรเจกต์ไฟแนนซ์ของธนาคาร บริษัทยังมีความสามารถในการขอกู้ได้อยู่ เพราะการพิจารณา สินเชื่อโปรเจกต์ไฟแนนซ์จะพิจารณาตามศักยภาพของทำเลในการพัฒนาโครงการ ขณะที่ภาพรวมตลาดระดับไฮเอนด์ยังมีการแข่งขันสูง แต่เชื่อว่าด้วยจุดเด่นที่แตกต่างจะทำให้สามารถสู้กับคู่แข่งได้" นายสรพจน์ กล่าว

นายพรสัณห์ พัฒนสิน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพซ ดีเวลลอป เมนท์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้คิดค้นคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ ในการพัฒนาโครงการ รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพย์สิน ล่าสุดได้ลงทุนใช้นวัตกรรมท่อน้ำทิ้งระบบ Sovent ของบริษัท เกเบอริท จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อจัดการน้ำในโครงการนิมิต หลังสวน เป็นที่แรกในประเทศไทย

ด้านความคืบหน้าโครงการนิมิต หลังสวน มียอดขายแล้วกว่า 90% หรือกว่า 6,914 ล้านบาท และที่เหลืออีก 10% ซึ่งจะขายเมื่อโครงการแล้วเสร็จ โดยขณะนี้การก่อสร้างอยู่ที่ชั้น 30 คาดว่าจะสร้างถึงชั้น 50 ในปลายปีนี้ จากทั้งหมด 54 ชั้น มูลค่าการลงทุน 8,000 ล้านบาท จำนวน 178 ยูนิต คาดเริ่มโอนได้ช่วงเดือน ก.ค. 2562 ส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นห้องเพนต์เฮาส์ 3 ห้อง ราคาขาย 6-6.5 แสนบาท/ตร.ม. เพิ่มขึ้นจากราคาขายตอนช่วง พรีเซล 3 แสนบาท/ตร.ม.

ขณะที่มีโครงการที่ทยอยโอนและรับรู้รายได้ ได้แก่ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก มีแบ็กล็อก 2,062 ล้านบาท มียูนิตรอขายอีก 301 ล้านบาท คาดโอนทั้งหมดในไตรมาส 4 ปีนี้ โครงการมหาสมุทร วิลล่า มียอดแบ็กล็อก 649 ล้านบาท และมีวิลล่ารอขายมูลค่า 3,095 ล้านบาท โครงการนิมิต หลังสวน มียอด แบ็กล็อก 6,914ล้านบาท มีห้องชุดรอขาย 1,086 ล้านบาท โครงการ วินด์เชลล์ นราธิวาส มียอดแบ็กล็อก 792 ล้านบาท มีห้องชุดรอขาย 2,208 ล้านบาท

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ