โกลเด้น กรุ๊ป ระบุราคาที่ดินศรีราชา 3 ปี ขยับแรง 50% ลุยพัฒนาโครงการ หวัง 5 ปียึดผู้นำตลาดอีอีซี

นางสุนทรา คำภูสิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเด้น กรุ๊ป เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในทำเลศรีราชา จ.ชลบุรี ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่า ที่ดินมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือปรับเพิ่มเฉลี่ย 50% โดยเฉพาะราคาที่ดินใกล้ชายหาดนั้นเพิ่มขึ้นมากเปรียบเทียบจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่มีระดับราคาขายอยู่ที่ประมาณหลักหมื่นบาทต่อตารางวา (ตร.ว.) ปัจจุบันราคาขายที่ดินอยู่ที่ 2-3 แสนบาท/ตร.ว. ซึ่งเป็นไปตามการขยายตัวของแหล่งงานและการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังพบอีกว่ามีชาวต่างชาติเข้ามาพักอาศัยเพิ่มขี้น โดยเฉพาะญี่ปุ่นมีแนวโน้มสูงขึ้น ปัจจุบันมีแรงงานชาวญี่ปุ่นทำงานในพื้นที่ศรีราชาประมาณ 8,000 คน

ขณะที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ประกอบด้วยพื้นที่ 3 จังหวัดหลักคือ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ถือเป็นเมืองใหม่ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ จะเป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวเฉลี่ยราว 5% ต่อปี

"การเกิดโครงการ อีอีซี จะเป็นการสร้างการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการ 1 แสนอัตราต่อปี ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 10 ล้านคนต่อปี จึงทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันออกนี้ได้รับความนิยมมากตามไปด้วย ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา โครงการอีอีซี ได้รับความสนใจจากกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมญี่ปุ่นกว่า 500 ราย ทำให้ชาวญี่ปุ่นจะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในการเช่าที่พักอาศัยในพื้นที่ศรีราชาเป็นจำนวนมาก" นางสุนทรา กล่าว

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี (2562-2563) บริษัทมีแผนขยายโครงการไปในพื้นที่อีอีซี 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,450 ล้านบาท โดยจะพัฒนาโครงการขนาดใหญ่คือ รีสอร์ทและบ้านพัก 1 โครงการ มุ่งให้บริการนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพบนพื้นที่กว่า 252 ไร่ ใน จ.ระยอง และอีก 4 โครงการจะเป็นโครงการบ้านแนวราบ โดยในปี 2561 นี้ บริษัทพัฒนาโครงการใหม่จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 3,237 ล้านบาท แบ่งเป็นในทำเล ศรีราชา 2 โครงการ บางละมุง 2 โครงการ และหนองมน 1 โครงการ

ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการคีน เซ็นเตอร์ ศรีราชา เป็นคอนโด สูง 38 ชั้น 1 อาคาร บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ จำนวน 625 ยูนิต มูลค่า 2,716 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้นที่ 3.1 ล้านบาท เจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นคนไทย 90% โดย 80% ซื้อเพื่อการลงทุนอีก  20% ซื้อเพื่อพักอาศัย ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 65% พร้อมกันนี้บริษัทยังตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปีจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และภายใน 5 ปีจะเป็นผู้นำตลาดอสังหาฯ ในพื้นที่อีอีซี