อาคมดันโปรเจ็กต์ใหม่6แสนล้านทั่วประเทศรฟ.รางเบา-มอเตอร์เวย์
Loading

อาคมดันโปรเจ็กต์ใหม่6แสนล้านทั่วประเทศรฟ.รางเบา-มอเตอร์เวย์

วันที่ : 10 ตุลาคม 2561
สมคิด เร่งเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้-สีส้มตะวันตก ภายใน ธ.ค. จี้บินไทยปรับแผนเคลียร์ปมซื้อฝูงบินใหม่ ขู่โละบอร์ดหากยังมีปัญหา
          'สมคิด'เร่งเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้-สีส้มตะวันตก ภายใน ธ.ค. จี้บินไทยปรับแผนเคลียร์ปมซื้อฝูงบินใหม่ ขู่โละบอร์ดหากยังมีปัญหา

          'สมคิด'จี้คมนาคมเร่งผลงาน

          เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่กระทรวงคมนาคม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ ว่า ได้ติดตามความคืบหน้าโครงการต่างๆ ของกระทรวงคมนาคม โดยโครงการรถไฟฟ้าได้ให้นโยบายการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่ง ประเทศไทย (รฟม.) เร่งรัดเปิดประมูลรถไฟฟ้า 2 สายให้ได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ คือรถไฟฟ้า สายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ และสายสีส้มตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯบางขุนนนท์ สำหรับแผนพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางในต่างจังหวัดนั้น โครงการรถไฟฟ้ารางเบา จ.ภูเก็ตมีความคืบหน้ามากที่สุด จึงได้เร่งรัดให้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ได้ภายในรัฐบาลนี้ หรืออย่างช้าภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562

          นายสมคิดกล่าวถึงแผนการจัดหาเครื่องบินใหม่ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)ว่า ได้ขอให้เร่งรัดทบทวนแผนจัดหาเครื่องบินใหม่และการปรับเส้นทางการบินให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน โดยให้การบินไทยหารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งเป็นกรรมการในการบินไทย ให้ได้ข้อสรุปตามที่มีการท้วงติง และให้ปรับแผนการจัดหาเครื่องบินให้สำเร็จ ไม่ให้เกิดปัญหาเมื่อนำแผนให้ สศช.พิจารณาใหม่ รวมถึงให้บริหารจัดการเป็น ไทยกรุ๊ป โดยการบินไทยต้องดูแลสายการบินในเครือคือไทยสมายล์ และนกแอร์ ให้พัฒนาไปด้วยกัน

          'อาคม'เล็งชงครม.ของบ6แสนล.

          "อยากให้ทุกหน่วยงานเร่งทำงานแม้จะเป็นช่วงใกล้เลือกตั้งก็ไม่ควรล่าช้า ไม่ต้องรอรัฐบาลใหม่มาให้นโยบาย" นายสมคิดกล่าว และว่า ควรแบ่งกลุ่มย่อยรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกันเพื่อเดินหน้าสนับสนุนโครงการสำคัญ เช่น กรณีการบินไทย บอร์ดต้องผลักดันงานให้สำเร็จ ถ้ายังมีปัญหาจะเปลี่ยนบอร์ดการบินไทยทั้งชุด ที่ผ่านมาสนับสนุนทั้งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) และประธานบอร์ด ดังนั้น งานควรทำให้สำเร็จ หรืออย่างนโยบายของรัฐในการสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรองและโครงการไทยแลนด์ ริเวียร่า ต้องทำงานอย่างร่วมมือกัน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ต้องประสานความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขณะที่กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท ต้องทำถนนเข้าแหล่งท่องเที่ยวของเมืองเหล่านี้

          นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงเตรียมเสนอโครงการขนาดใหญ่ หรือเมกะโปรเจ็กต์เพื่อขออนุมัติ ครม.วงเงิน 6 แสนล้านบาท และเตรียมเปิดประมูลจัดซื้อจัดจ้างอีก 5 แสนล้านบาท ในระหว่างเดือนตุลาคม 2561-มกราคม 2562 โดยโครงการที่จะเสนอครม.ในเดือนตุลาคมนี้มี 5 โครงการ คือ 1.โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 วงเงิน 1.1 แสนล้านบาท คาดว่าจะลงนามสัญญาได้ในเดือนมีนาคม 2562 2.ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) สนามบินอู่ตะเภา วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าบริษัท การบินไทย และแอร์บัส จะลงนามสัญญาได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 3.โครงการทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) นครปฐม-ชะอำ วงเงิน 8 หมื่นล้านบาท 4.โครงการศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนม วงเงิน 1 พันล้านบาท และ 5.ศูนย์เปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า เชียงของ จ.เชียงราย วงเงิน 2.3 พันล้านบาท

          ผุดสารพัดโปรเจ็กต์ระบบราง

          นายอาคมกล่าวว่า เดือนพฤศจิกายนนี้เตรียมเสนอโครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงส่วนต่อขยาย 2 โครงการ มูลค่ารวม 2.4 หมื่นล้านบาท ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนส่วนต่อขยาย ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช และช่วงตลิ่งชันศาลายา และส่วนต่อขยายสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เดือนธันวาคมนี้ 6 โครงการ คือรถไฟทางคู่ 4 เส้น ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี มูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท, ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ มูลค่า 8 พันล้านบาท, ช่วงบ้านไผ่-มหาสารคามร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม มูลค่า 6 หมื่นล้านบาท และช่วงขอนแก่น-หนองคาย มูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาท โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 สนามบินสุวรรณภูมิ 4.2 หมื่นล้านบาท และ 6.โครงการก่อสร้างทางวิ่ง แห่งที่ 3 สนามบินสุวรรณภูมิ 2 หมื่นล้านบาท

          นายอาคมกล่าวว่า เดือนมกราคม 2562 มี 5 โครงการ ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่ 4 เส้น คือช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย 5.6 หมื่นล้านบาท ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี มูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่สงขลา มูลค่า 5.7 หมื่นล้านบาท และช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่มูลค่า 6 หมื่นล้านบาท และโครงการสุดท้าย จัดหาฝูงบินใหม่วงเงินราว 1 แสนล้านบาท ของบริษัท การบินไทย

          นายอาคมกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันมีโครงการที่อยู่ระหว่างเตรียมประกวดราคา 5 โครงการ คือโครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง คือสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อพญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ระยะทาง 25.9 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 4.4 หมื่นล้านบาท คาดว่าประกวดราคาได้ในเดือนมกราคม-มีนาคม 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูนราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) หรือรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ วงเงิน 1 แสนล้านบาท คาดว่าประกวดราคาเดือนธันวาคมนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน พร้อมพัฒนาที่ดิน 2.2 แสนล้านบาท จะประกวดราคาในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2561 และลงนามสัญญาในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 รถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงินรวม 8.5 หมื่นล้านบาท ประกวดราคาเดือนมีนาคม 2562 และทางพิเศษ (ทางด่วน) พระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ วงเงิน 3.1 หมื่นล้านบาท ประกวดราคาพฤศจิกายน 2561-กุมภาพันธ์ 2562

          ขบ.ขอเวลาศึกษาขึ้นค่าโดยสาร

          "จะเร่งเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ และโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงบางขุนนนท์ศูนย์วัฒนธรรมฯ ระยะทาง 13.4 กม. และการเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มตลอดเส้นทาง ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี วงเงินรวม 1.43 แสนล้านบาท ให้คณะกรรมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการพีพีพี) พิจารณาโดยเร็ว" นายอาคมกล่าว

          นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงยังมีโครงการเตรียมเสนอครม.พิจารณาอนุมัติภายในเดือนมกราคม 2562 รวมจำนวน 20 โครงการ โดย 5 โครงการที่เตรียมเสนอ ครม.ในเดือนตุลาคมนี้ ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพีพีพีแล้ว

          นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวง คมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง รักษาราชการ แทน อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เปิดเผยถึงกรณีกระแสข่าวการขอปรับขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะสืบเนื่องจากน้ำมันมีราคาแพงขึ้นว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล หากมีข้อมูลที่แน่ชัดแล้ว จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

          ไทยออยล์ชี้แนวโน้มน้ำมันแพง

          รายงานข่าวจาก บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) แจ้งถึงแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบรอบสัปดาห์นี้ ระหว่างวันที่ 8-12 ตุลาคม ว่าราคาน้ำมันดิบคาดว่าจะทรงตัวในระดับสูงจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันดิบตึงตัวจากการคว่ำบาตรอิหร่านโดยสหรัฐ ส่งผลให้อิหร่านลดการส่งออกน้ำมันดิบ และล่าสุดจีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันดิบรายหลัก เฉลี่ย 650,000 บาร์เรลต่อวัน มีแนวโน้มปรับลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่าน ล่าสุดเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัท Sinopec ของจีนได้ลดการนำเข้าน้ำมันดิบลง 50% มาอยู่ที่ 130,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือว่าปรับลดมากที่สุดในรอบหลายปี และความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันโลกมีเพิ่มมากขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบ นอกจากนี้ อุปสงค์คาดว่าจะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่อ่อนค่าลง เช่น ค่าเงินรูปีของอินเดีย ค่าเงินรูเปียของอินโดนีเซีย และค่าเงินเปโซของฟิลิปปินส์ เป็นต้น ซึ่งการที่เงินอ่อนค่าลง ทำให้ราคาน้ำมันซึ่งอยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มีราคาแพงขึ้นเมื่ออยู่ในสกุลเงินอื่น

          ราคาไม่ทะลุ90เหรียญ/บาร์เรล

          รายงานข่าวแจ้งว่า อย่างไรก็ตาม ยังมี ปัจจัยอื่นให้ติดตามคือ ความร่วมมือของซาอุดีอาระเบียและรัสเซียในการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อผ่อนคลายอุปทานที่ตึงตัว โดยสองประเทศตกลงกันอย่างไม่เป็นทางการจะเพิ่มกำลังการผลิตราว 200,000-300,000 บาร์เรลต่อวัน จากระดับการผลิตในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขณะที่รัสเซียวางแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนตุลาคมนี้ ราว 150,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา และปริมาณน้ำมับดิบคงคลังสหรัฐคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวลดลง เนื่องจาก โรงกลั่นในสหรัฐอยู่ในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุง ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 29 กันยายน 2561 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 7.96 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 404.0 ล้านบาร์เรล ซึ่งการปรับเพิ่มขึ้นหลักๆ มาจากปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบที่ปรับลดลงราว 0.92 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 1.7 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตและผู้บริโภคสหรัฐ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซน และดัชนีภาคการบริการจีนด้วย

          ข่าวแจ้งว่า สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือวันที่ 1-5 ตุลาคมที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเพิ่มขึ้น 1.09 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ที่ 74.34 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์ ปรับเพิ่มขึ้น 1.44 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 84.16 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ผลจากความกังวลเกี่ยวกับเรื่องอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว จากผลกระทบของการคว่ำบาตรอิหร่าน แต่ยังมีปัจจัยบวกจากความตึงเครียดเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ คลี่คลายลง หลังสหรัฐและแคนาดาสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ โดยจะร่วมลงนามกับเม็กซิโก และเปลี่ยนชื่อเป็น "ข้อตกลง สหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา" (USMCA) และปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

          รอพลังงานสรุปช่วยมอไซค์รับจ้าง

          แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในเรื่องการขยายสิทธิการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐในกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพื่อช่วยเหลือในภาวะน้ำมันแพงนั้นคงต้องรอข้อสรุปจากกระทรวงพลังงาน ทราบมาว่าขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างสำรวจข้อมูล โดยกระทรวงการคลังยังไม่ได้รับรายงานจากกระทรวงพลังงานว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด

          ชงครม.แล้วเก็บเพิ่มภาษีบุหรี่

          แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.จัดเก็บเงินสมทบเพื่อสนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการภาครัฐ ในระบบหลักสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.... เพื่อจัดเก็บเงินสมทบจากผลิตภัณฑ์ยาสูบในอัตรามวนละ 10 สตางค์ หรือซองละ 2 บาทเข้ากองทุนบัตรทองนั้นยกร่างโดยกระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป็นคณะยกร่างกฎหมายขึ้นมา ซึ่งมีตัวแทนจากหลายหน่วยงาน รวมถึงตัวแทนจากกระทรวงการคลัง ประกอบด้วยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร ไปร่วมในคณะทำงานด้วย ดังนั้นการหารือหรือพูดคุยอยู่ในคณะดังกล่าว ซึ่งทราบมาว่ากระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างกฎหมายเพื่อบรรจุวาระเข้าสู่ที่ประชุม ครม.แล้ว ดังนั้นคงไม่ต้องมีการหารือเป็นการเฉพาะระหว่าง 2 กระทรวงอีก เพราะกระทรวงการคลังไม่ได้โต้แย้งอะไร รวมถึงได้ความเห็นไปแล้วว่าไม่ขัดต่อวินัยทางการเงินการคลัง ดังนั้นหากกฎหมายผ่านการพิจารณาตามขั้นตอน และประกาศบังคับใช้ กระทรวงการคลังพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว

          อสังหาฯไม่ห่วงธปท.คุมเข้ม

          นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการ ผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กร และการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีธนาคารแห่งประทศไทย (ธปท.) จะเพิ่มความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยจะกำหนดอัตราการกู้หรือสินเชื่อต่อมูลค่าสินทรัพย์ (แอลทีวี) ที่ 80% สำหรับการกู้หลังที่ 2 ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ว่าบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว แม้ว่าจะมีโครงการบ้านหรูและคอนโดมิเนียมอยู่ในมือก็ตาม เนื่องจากในส่วนบ้านหรูบริษัทกำหนดอัตราเงินดาวน์ไว้ที่ 12-20% อยู่แล้ว ขณะที่คอนโดมิเนียมกำหนดเงินดาวน์ไว้ที่ 15-20% หากจะเพิ่มเงินดาวน์อีก 5% ไม่น่าจะกระทบมาก อย่างไรก็ตามอยากให้รอดูเกณฑ์ใหม่ที่ ธปท.จะนัดหารือกับภาคอสังหาฯในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ก่อนว่าผลจะออกมาอย่างไร "หากผลออกมาตามที่คาดการณ์ไว้ บริษัทคงไม่ทำอะไร ไม่เร่งโอนบ้าน ทุกอย่างให้เป็นไปตามเป้าหมาย" นายวิทการกล่าว

          นายวิทการกล่าวว่า ปัจจุบันลูกค้าที่กู้บ้านเกิน 10 ล้านบาท ธนาคารมีการคุมเข้มอยู่แล้ว ดูได้จากยอดการปฏิเสธสินเชื่อ (รีเจ็ค) ที่เฉลี่ย 12-15% ขณะที่กลุ่มลูกค้าของบริษัทในปัจจุบันมีการซื้อเก็งกำไร (ลงทุน) ที่ 30% เมื่อลูกค้ามีปัญหา เช่น ขาดส่งเงินดาวน์ 3 งวดติดต่อกัน โดยทีมงานบริษัทจะแก้ไขปัญหาโดยหาลูกค้ารายใหม่เข้าซื้อต่อทันที

          บาทอ่อนกดหุ้นร่วงหลุด1700

          วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ดัชนีตลาดหุ้นเคลื่อนไหวในแดนบวกเพียงสั้นๆ เมื่อช่วงเปิดตลาดจากนั้นปรับตัวลงต่อเนื่องตลอดทั้งวันจนดัชนีหลุดระดับ 1,700 จุด ปิดตลาดที่ระดับ 1,696.22 จุด ลดลง 24.30 จุด หรือลดลง 1.41% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 59,627.11 ล้านบาท

          รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า ดัชนีปรับตัวลงตามดัชนีหุ้นของตลาดส่วนใหญ่ในภูมิภาค จากความกังวลภาวะเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่ยังเร่งตัวอ่อนค่าอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ จากผลกระทบของสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีก 1 ครั้งในเดือนธันวาคมนี้ ที่สะท้อนให้เห็นจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ดีดตัวสูงสุดในรอบ 7 ปี อยู่ที่ 3.233%

          นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ค่าเงินบาทวันเดียวกันอ่อนค่าขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 33.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ของไทย อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นไปที่ 2.87% สูงที่สุดในรอบ 22 เดือน โดยค่าเงินบาทปิดตลาดที่ 32.98 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (อ่านรายละเอียด น.6)
 
ข่าวพัฒนาสาธารณูปโภค อื่นๆ