LPNดันพรีเซลปีนี้1.8หมื่นล้าน ลุยเปิด 4 โครงการ มูลค่า 6.5 พันล้านใน Q4
Loading

LPNดันพรีเซลปีนี้1.8หมื่นล้าน ลุยเปิด 4 โครงการ มูลค่า 6.5 พันล้านใน Q4

วันที่ : 8 ตุลาคม 2561
“LPN” คาดไตรมาส 4/61 ลุยเปิด 4 โครงการ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท ดันยอดขายรวมปีนี้ตามนัด 18,000 ล้านบาท หลัง 9 เดือนทำได้ 14,000 ล้านบาท ส่วนกรณีธปท.เล็งออกมาตรการคุมเข้มปล่อยกู้ คาดมีผลต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อ
          “LPN” คาดไตรมาส 4/61 ลุยเปิด 4 โครงการ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท ดันยอดขายรวมปีนี้ตามนัด 18,000 ล้านบาท หลัง 9 เดือนทำได้ 14,000 ล้านบาท ส่วนกรณีธปท.เล็งออกมาตรการคุมเข้มปล่อยกู้ คาดมีผลต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อ

          นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4/2561 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 6,500 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการในทำเลนราธิวาส-รัชดา ซึ่งภายในโครงการจะมีทั้งคอนโดมิเนียมและอาคารสำนักงาน มูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท, โครงการในทำเลงามวงศ์วาน เป็นคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท, โครงการในทำเลสุขุมวิท 64 เป็นคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท และจะเปิดขายอาคารสำนักงานในทำเลวิภาวดี มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท

          ทั้งนี้ หากบริษัทสามารถเปิดตัวโครงการได้ตามแผนที่ตั้งไว้ในช่วงไตรมาส 4/2561 จะส่งผลให้ทั้งปี 2561 บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่รวมจำนวน 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 15,500 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย.) บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่แล้ว จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,000 ล้านบาท

          ขณะที่หากบริษัทสามารถเปิดตัวโครงการได้ตามแผนที่ตั้งไว้ในช่วงไตรมาส 4/2561 คาดว่าบริษัทจะมียอดขายรวมในปี 2561 ประมาณ 18,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรวมแล้วประมาณ 14,000 ล้านบาท มาจากโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 10,000 ล้านบาท และจากโครงการแนวราบประมาณ 4,000 ล้านบาท

          สำหรับภาพรวมตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2561 แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 4/2561 จะมีความคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดในกลุ่มระดับกลาง-บน ระดับราคา 3-4 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดหลัก ซึ่งที่ผ่านมาเห็นได้ว่าผู้ประกอบการต่าง ๆ จะหันมาพัฒนาโครงการเจาะกำลังซื้อกลุ่มดังกล่าว รองรับทั้งความต้องการที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่จริงและความต้องการของนักลงทุนที่ยังคงมีออกมาอย่างต่อเนื่อง

          นายโอภาส กล่าวอีกว่า กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมเชิญผู้ประกอบการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย ทั้งธนาคารพาณิชย์ และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ มาหารือในเรื่องการเตรียมออกมาตรการป้องกันไม่ให้มีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีความเสี่ยงสูง ส่งผลให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เกรงหากกู้ไม่ผ่านจะถูกริบเงินดาวน์

          อย่างไรก็ตาม บริษัทมีโครงการช่วยเหลือผู้ซื้อ โดยให้ความรู้และสร้างวินัยทางการเงิน ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้การขอสินเชื่อจากทางธนาคารมีโอกาสเป็นไปได้สูง และหากลูกค้าร่วมมือกับบริษัทในโครงการสร้างวินัยทางการเงินแล้วยื่นขอสินเชื่อไม่ผ่าน บริษัทยินดีคืนเงินดาวน์เต็มจำนวน เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้า หรือจะเลือกเข้าโครงการ “บ้านสานฝัน” ที่ทางบริษัทให้โอกาสผู้ต้องการมีบ้าน แต่ยังติดปัญหาเรื่องการขอสินเชื่อ ได้มีเวลาเตรียมตัวเพิ่มขึ้น โดยโครงการดังกล่าวบริษัทได้แก้ปัญหาให้ลูกค้าที่มีปัญหาเรื่องการขอสินเชื่อให้ได้รับสินเชื่อในที่สุดเป็นจำนวนนับ 1,000 ราย

          “กรณีซื้อแบบยกล็อตจะมีเฉพาะการเจรจาติดต่อระหว่างองค์กรที่ต้องการซื้อที่พักอาศัย เพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่พนักงาน ซึ่งโครงการของบริษัทมีความเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ดังกล่าว” นายโอภาส กล่าว
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ