ชีวาทัยชิงแชร์แนวราบ
Loading

ชีวาทัยชิงแชร์แนวราบ

วันที่ : 3 ตุลาคม 2561
กระจายเสี่ยงลงทุนคอนโดมิเนียม-ทาวน์เฮาส์ ตั้งเป้ารายได้โต20% ชีวาทัย มั่นใจตลาดคอนโด หรูกลางเมืองดีมานด์แรงไม่ตก ลูกค้าเศรษฐีฮิตซื้อเพื่อแสดงฐานะทางสังคม
          กระจายเสี่ยงลงทุนคอนโดมิเนียม-ทาวน์เฮาส์ ตั้งเป้ารายได้โต20%

          ชีวาทัย มั่นใจตลาดคอนโด หรูกลางเมืองดีมานด์แรงไม่ตก ลูกค้าเศรษฐีฮิตซื้อเพื่อแสดงฐานะทางสังคม

          นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ต้องมองเป็นรายทำเล เนื่องจากโครงการคอนโดมิเนียมในบางทำเลมีอุปทานออกมามาก โดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่ปัจจุบันยังคงเป็นทำเลที่โอเวอร์ซัพพลาย ปัจจุบันจึงมีผู้ประกอบการหลายรายไม่ลงทุนเพิ่มในทำเลรถไฟฟ้าสายสีม่วงและหันมาเน้นระบายสต๊อกแทนเพื่อทำให้อุปทานในทำเลดังกล่าวลดลง

          อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทำเลกรุงเทพฯ ชั้นในยังสามารถพัฒนาและขายได้ดีต่อเนื่องมากกว่า อย่างเช่นทำเลย่านทองหล่อที่ผู้ซื้อเป็นลักษณะที่เรียกว่า Emotional Demand เป็นกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อแสดงฐานะทางสังคม แม้ว่าตนเองจะมีที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว จึงทำให้โครงการในย่านทองหล่อสามารถขายได้อย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะมีผู้ประกอบการหลายรายเปิดโครงการในย่านทองหล่อมากก็ตาม

          ทั้งนี้ บริษัทได้เปิดโครงการคอนโด ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ มูลค่า 950 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการใหม่โครงการแรกของปี 2561 พัฒนาเป็นคอนโด สูง 8 ชั้น 1 อาคาร บนที่ดิน 1 ไร่ 94 ตารางวา จำนวน 130 ยูนิต ขนาดห้อง 30-62 ตารางเมตร ราคาขายตั้งแต่ 5.59-10.40 ล้านบาท/ยูนิต ราคาเฉลี่ยที่ 1.9 แสนบาท/ตร.ม. ซึ่งจะเปิดขายรอบวันที่ 6-7 ต.ค. 2561 และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 10-11 พ.ย. 2561 โดยตั้งเป้าหมายจะมียอดขายในช่วงวันเปิดขายพรีเซลอย่างเป็นทางการราว 50-80% ของโครงการ โดยที่เป็นสัดส่วนการขายให้กับลูกค้าชาวต่างชาติประมาณ 20-30%

          นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้เตรียมจะเปิดโครงการแนวราบ ชีวาโฮม วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 4 มูลค่า 700 ล้านบาท เป็นโครงการทาวน์โฮมส์ 2 ชั้น จำนวน 272 ยูนิต ราคาขายประมาณ 2-3 ล้านบาท/ยูนิต โดยจะแบ่งทยอยเปิดขายเป็น 4 เฟส ปัจจุบันตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่ผู้ประกอบการหลายรายหันมาพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น ซึ่งจับกลุ่มลูกค้าในประเทศที่ยังคงมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างมากอยู่ ซึ่งบริษัทเองก็เริ่มมีการขยายการพัฒนาไปสู่โครงการแนวราบมากขึ้น เนื่องจากโครงการแนวราบเป็นโครงการที่รับรู้รายได้ได้เร็ว

          "ที่ผ่านมา บริษัทมีการปรับสัดส่วนรายได้โครงการแนวราบให้เพิ่มเป็น 40% ภายใน 2 ปี แต่ก็ยอมรับว่าไม่สามารถทำได้ตามแผน ซึ่งจะต้องใช้เวลาอีก 3-4 ปีถึงจะทำได้ โดยสิ้นปีนี้คาดว่าสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบยังคงไม่ถึง 5% ใกล้เคียงกับปีก่อน" นายบุญ กล่าว

          สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ยังมั่นใจผลการดำเนินงานจะเติบโตตามเป้าหมาย 20% หรือมีรายได้อยู่ที่ 2,400 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้แล้ว 1,450 ล้านบาท โดยสิ้นไตรมาส 2/2561 บริษัทมียอดขายรอโอนหรือแบ็กล็อกอยู่ที่กว่า 800 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลังทั้งหมด ส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้ในช่วงไตรมาส 3/2561 นอกจากนี้บริษัทมีสินค้าพร้อมโอน มูลค่ารวม 2,100 ล้านบาท ซึ่งทยอยขายออกไป

          ขณะที่แผนธุรกิจในปี 2562 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% มาอยู่ที่ 2,800 ล้านบาท พร้อมวางแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2562 จำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเริ่มเปิดขายตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/2562 กระจายหลายทำเลทั้งในกรุงเทพฯ โซนตะวันตกและตะวันออก
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ