ตลาดลักชัวรี10ล้านอัพคึก
วันที่ : 30 กันยายน 2561
ตลาดลักชัวรี ราคาแพง 10 ล้านบาทขึ้นไปคึกคัก ต่างชาติ ส่งตัวแทนซื้อขาย ขยายสาขาในไทย หวังเจาะเพนต์เฮาส์เหลือขายส่งต่อลูกค้าทั่วโลก
ตลาดลักชัวรี ราคาแพง 10 ล้านบาทขึ้นไปคึกคัก ต่างชาติ ส่งตัวแทนซื้อขาย ขยายสาขาในไทย หวังเจาะเพนต์เฮาส์เหลือขายส่งต่อลูกค้าทั่วโลก
นายควอง โด กรรมการบริหาร บริษัท ลิสต์ ซอเธอบี้ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลตี้ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ได้ร่วมทุนกับ ลิสต์ กรุ๊ป บริษัทพัฒนาและตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่นเปิดสำนักงานใหม่ในประเทศไทย หลังจากต้องการใช้แบรนด์ดังกล่าว ที่มีฐานลูกค้าระดับซูเปอร์ลักชัวรีทั่วโลกเจาะตลาดไทย ผ่านการทำธุรกิจเป็นตัวแทน ซื้อ-ขาย-เช่า ให้กับลูกค้า และเป็นที่ปรึกษาให้ผู้ประกอบการไทย เพื่อทำให้อสังหาฯ ไทย เป็นที่รู้จักในระดับเวิลด์ไวด์มากยิ่งขึ้น โดยมองว่า ปัจจุบันตลาดอสังหาฯไทย เติบโตขึ้นอย่างมาก มีการพัฒนาโปรดักต์ในกลุ่มลักชัวรีอย่างโดดเด่น ซึ่งนอกจากจะมีความหรูหรามากขึ้นแล้ว แต่ละโครงการยังมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ชัดเจน ประกอบกับการมีโซเชียลมีเดีย ยิ่งเพิ่มโอกาสการเข้ามาทำธุรกิจในไทยด้วย
ด้านนางสาวชัญญา แซ่เตีย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ลิสต์ ซอเธอบี้ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลตี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่าเป้าหมายหลักของธุรกิจ คือ กลุ่มลูกค้าและสินค้าระดับลักชัวรี โดยปีแรก ปี 2560 ตั้งเป้ารายได้ที่ 18 ล้านบาท ก่อนเพิ่มเป็น 180 ล้านบาทภายใน 3 ปี ซึ่งจะมาจากสัดส่วนรายได้ทั้งการเป็นตัวแทนซื้อ-เช่า และที่ปรึกษาโครงการ ขณะที่ตั้งเป้าลูกค้า 70% ขายคนไทย และ 30% ขายต่างชาติ เช่น ฝั่งยุโรป ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น หลังจากพบที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการไทยหน้าใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ยังขาดประสบการณ์การพัฒนาและขายโครงการ ขณะเดียวกัน ก็พบมีโครงการใหญ่ๆ ไม่น้อย ที่หลังจากเปิดขายไปแล้วสักระยะ ยังคงเหลือห้องขนาดใหญ่ราคาสูงมากกว่า 10 ล้านบาท อยู่ถึงประมาณ 10% ต่อโครงการ ซึ่งบริษัทจะมาช่วยระบายสินค้าดังกล่าวออกให้ โดยเฉพาะย่าน ซีบีดี เช่น เพลินจิต สุขุมวิท ทองหล่อ ที่มีดีมานด์ของชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก เช่น ชาวญี่ปุ่น กระจุกตัวอยู่อาศัยถึง 8% และเตรียมขยายธุรกิจไปยังจังหวัดท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต สมุย และเชียงใหม่ด้วย
"จากประสบการณ์ 25 ปี พบตลาดลักชัวรี เป็นตลาดเดียวที่ยังคงอยู่ได้ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร โดดเด่นชัดเจนหลังปี 2554 ราคาขายสูงขึ้นเท่าตัว แต่ยังมีคนทา คนซื้อ จากอดีต ราคา 1.2 แสน/ตร.ม. มองว่าสูงมากแล้ว แต่ขณะนี้ขายกันมาก กว่า 3 แสน/ตร.ม. เป็นเรื่องปกติ มีบางโครงการขายวันเดียว หมดไปครึ่งโครงการ เทรนด์ยังไปได้อีกนาน โดยเฉพาะห้องเพนต์เฮาส์ ที่คนไทยอาจไม่มอง แต่เป็นที่ต้องการของต่างชาติ"
นางสาวชัญญา ยังกล่าวว่า ปัจจุบันตลาดลักชัวรีของไทย เป็นที่จับตาของต่างประเทศอย่างมาก เช่น คนจีน เนื่องจากคนจีน ไม่สามารถครอบครอง อสังหาฯ ในประเทศตนเองได้ และเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก อสังหาฯไทยยังมีราคาที่จับต้องได้มากกว่า โดยขณะนี้ บริษัท มีสต๊อกในมือแล้วประ มาณ 200 ล้านบาท จาก ดีเวลอปเปอร์ชั้นนำในประเทศไทยหลายราย เช่นโครงการของบริษัท แสนสิริ, เอสซี แอสเสท, เนอวานา ไดอิ, พฤกษา พรีเมียม และ อีสเทอร์น สตาร์ เรียลเอสเตท ก่อนเดินหน้าหาสต๊อกเพิ่มเป็น 6,000 ล้านบาท ในอีก 2 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ภาพรวมของตลาดระดับลักชัวรีในปี 2561 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากปัจจัยหนุนสำคัญ ที่มาจากการลงทุนและกำลังซื้อจากชาวต่างชาติ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้กำลังซื้อกลุ่มบนเติบโต ขณะที่บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศ ไทย)ฯ ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ คาดตลอดทั้งปี จะมีคอนโดฯ ที่มีราคาขายมากกว่า 2.5 แสนบาท/ตร.ม. สร้างเสร็จและโอนมากกว่า 4 พันหน่วย ซึ่งทาเลยอดนิยมยังเป็น โซนสุขุมวิท
นายควอง โด กรรมการบริหาร บริษัท ลิสต์ ซอเธอบี้ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลตี้ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ได้ร่วมทุนกับ ลิสต์ กรุ๊ป บริษัทพัฒนาและตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่นเปิดสำนักงานใหม่ในประเทศไทย หลังจากต้องการใช้แบรนด์ดังกล่าว ที่มีฐานลูกค้าระดับซูเปอร์ลักชัวรีทั่วโลกเจาะตลาดไทย ผ่านการทำธุรกิจเป็นตัวแทน ซื้อ-ขาย-เช่า ให้กับลูกค้า และเป็นที่ปรึกษาให้ผู้ประกอบการไทย เพื่อทำให้อสังหาฯ ไทย เป็นที่รู้จักในระดับเวิลด์ไวด์มากยิ่งขึ้น โดยมองว่า ปัจจุบันตลาดอสังหาฯไทย เติบโตขึ้นอย่างมาก มีการพัฒนาโปรดักต์ในกลุ่มลักชัวรีอย่างโดดเด่น ซึ่งนอกจากจะมีความหรูหรามากขึ้นแล้ว แต่ละโครงการยังมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ชัดเจน ประกอบกับการมีโซเชียลมีเดีย ยิ่งเพิ่มโอกาสการเข้ามาทำธุรกิจในไทยด้วย
ด้านนางสาวชัญญา แซ่เตีย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ลิสต์ ซอเธอบี้ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลตี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่าเป้าหมายหลักของธุรกิจ คือ กลุ่มลูกค้าและสินค้าระดับลักชัวรี โดยปีแรก ปี 2560 ตั้งเป้ารายได้ที่ 18 ล้านบาท ก่อนเพิ่มเป็น 180 ล้านบาทภายใน 3 ปี ซึ่งจะมาจากสัดส่วนรายได้ทั้งการเป็นตัวแทนซื้อ-เช่า และที่ปรึกษาโครงการ ขณะที่ตั้งเป้าลูกค้า 70% ขายคนไทย และ 30% ขายต่างชาติ เช่น ฝั่งยุโรป ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น หลังจากพบที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการไทยหน้าใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ยังขาดประสบการณ์การพัฒนาและขายโครงการ ขณะเดียวกัน ก็พบมีโครงการใหญ่ๆ ไม่น้อย ที่หลังจากเปิดขายไปแล้วสักระยะ ยังคงเหลือห้องขนาดใหญ่ราคาสูงมากกว่า 10 ล้านบาท อยู่ถึงประมาณ 10% ต่อโครงการ ซึ่งบริษัทจะมาช่วยระบายสินค้าดังกล่าวออกให้ โดยเฉพาะย่าน ซีบีดี เช่น เพลินจิต สุขุมวิท ทองหล่อ ที่มีดีมานด์ของชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก เช่น ชาวญี่ปุ่น กระจุกตัวอยู่อาศัยถึง 8% และเตรียมขยายธุรกิจไปยังจังหวัดท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต สมุย และเชียงใหม่ด้วย
"จากประสบการณ์ 25 ปี พบตลาดลักชัวรี เป็นตลาดเดียวที่ยังคงอยู่ได้ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร โดดเด่นชัดเจนหลังปี 2554 ราคาขายสูงขึ้นเท่าตัว แต่ยังมีคนทา คนซื้อ จากอดีต ราคา 1.2 แสน/ตร.ม. มองว่าสูงมากแล้ว แต่ขณะนี้ขายกันมาก กว่า 3 แสน/ตร.ม. เป็นเรื่องปกติ มีบางโครงการขายวันเดียว หมดไปครึ่งโครงการ เทรนด์ยังไปได้อีกนาน โดยเฉพาะห้องเพนต์เฮาส์ ที่คนไทยอาจไม่มอง แต่เป็นที่ต้องการของต่างชาติ"
นางสาวชัญญา ยังกล่าวว่า ปัจจุบันตลาดลักชัวรีของไทย เป็นที่จับตาของต่างประเทศอย่างมาก เช่น คนจีน เนื่องจากคนจีน ไม่สามารถครอบครอง อสังหาฯ ในประเทศตนเองได้ และเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก อสังหาฯไทยยังมีราคาที่จับต้องได้มากกว่า โดยขณะนี้ บริษัท มีสต๊อกในมือแล้วประ มาณ 200 ล้านบาท จาก ดีเวลอปเปอร์ชั้นนำในประเทศไทยหลายราย เช่นโครงการของบริษัท แสนสิริ, เอสซี แอสเสท, เนอวานา ไดอิ, พฤกษา พรีเมียม และ อีสเทอร์น สตาร์ เรียลเอสเตท ก่อนเดินหน้าหาสต๊อกเพิ่มเป็น 6,000 ล้านบาท ในอีก 2 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ภาพรวมของตลาดระดับลักชัวรีในปี 2561 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากปัจจัยหนุนสำคัญ ที่มาจากการลงทุนและกำลังซื้อจากชาวต่างชาติ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้กำลังซื้อกลุ่มบนเติบโต ขณะที่บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศ ไทย)ฯ ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ คาดตลอดทั้งปี จะมีคอนโดฯ ที่มีราคาขายมากกว่า 2.5 แสนบาท/ตร.ม. สร้างเสร็จและโอนมากกว่า 4 พันหน่วย ซึ่งทาเลยอดนิยมยังเป็น โซนสุขุมวิท
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ