อสังหาฯผ่าทางตันLTVเลิกขาย บ้านพร้อมอยู่
Loading

อสังหาฯผ่าทางตันLTVเลิกขาย บ้านพร้อมอยู่

วันที่ : 21 พฤศจิกายน 2561
อสังหาฯผ่าทางตัน "แอลทีวี" ปีหน้า ลดสร้างบ้านพร้อมอยู่ เน้นแนวสูงยืดดาวน์ 2 ปี รับคนซื้อหนักต้องผ่อน 2 ทาง
          อสังหาฯผ่าทางตัน "แอลทีวี" ปีหน้า ลดสร้างบ้านพร้อมอยู่  เน้นแนวสูงยืดดาวน์ 2 ปี รับคนซื้อหนักต้องผ่อน 2 ทาง

          นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากมาตรการ คุมสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย มีผลบังคับใช้วันที่ 1 เมษายน 2562 ส่งผลให้ผู้ประกอบการเร่งนำสต๊อกคอนโดมิเนียมออกขาย ทั้งนี้ บ้านพร้อมอยู่น่าเป็นห่วงมากที่สุด เนื่องจากต้องใช้เงินก้อนใหญ่ วางดาวน์และต้องโอนทันที และนับจากนี้จะยกเลิกขายบ้านพร้อมอยู่ เน้นแนวสูงผ่อนดาวน์นาน 2 ปีเท่ากับระยะเวลาก่อสร้าง คอนโดมิเนียม

          สอดคล้องกับนายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษาเรียลเอสเตทแวลู  เสริมว่า บริษัทปรับแผน รับปีหน้า เกี่ยวกับมาตรการแบงก์ชาติ โดยเน้นแนวสูงและขยายระยะเวลา ผ่อนดาวน์นาน 20 เดือน หรือเท่ากับระยะเวลาก่อสร้าง เพื่อช่วยลูกค้า ให้มีบ้านมากที่สุด แต่ต้องยอมรับว่า การผ่อน 2 ทาง ทั้งผ่านโครงการเองและ ธนาคาร หรือทั้งค่าเช่าบ้านและผ่อนธนาคาร

          "เนื่องจากที่ผ่านมาเน้นการขายในลักษณะสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ซึ่งจำเป็นต้องให้ระยะเวลาผ่อนดาวน์มากขึ้นกว่าเดิม และอาจต้องเพิ่มงวดบัลลูนในบางช่วง ขณะเดียวกันจะมุ่งขยายพอร์ตแนวสูง ที่มีระยะผ่อนดาวน์นาน 2 ปี มากขึ้นด้วย หลังจากปัจจุบันมีสัดส่วนกลุ่มคอนโดฯประมาณ 40% ทาวน์เฮาส์ฯ 40% และบ้านเดี่ยว 20% เพราะการผ่อนดาวน์ 20% ในระยะเวลา 2 ปี ไม่ใช่เรื่องยาก"     แต่สำหรับช่วงที่มาตรการยังไม่บังคับใช้ กลับมีผลดีต่อตลาดค่อนข้างมาก โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 ต่อเนื่องไตรมาสแรกของปี 2562 ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดการซื้อ การโอนเพิ่มมากขึ้นถึงประมาณ 20% ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยทั้งปี 2561 น่าจะจบที่ 4.8 แสนล้านบาท เติบโตประมาณ 11% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วหลังจากรวม 3 ไตรมาสที่ผ่านมา เติบโตกระโดด 22%

          ส่วนแนวโน้มในปีหน้านั้น น่าจะเติบโตใกล้เคียงกับจีดีพีของประเทศ ประมาณการ 4-5% จากฐานที่ขยายตัวมากในปีนี้ โดยตลาดคอนโดฯและทาวน์เฮาส์ ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ประมาณ 4% ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทมีกำไรประมาณ 4 พันล้านบาท เติบโต 8.1% ขณะที่มียอดขาย 3.9 หมื่นล้านบาท และรายได้ 3.04 หมื่นล้านบาท ยอด Backlog กว่า 3.5 หมื่นล้านบาท โดยยังครองส่วนแบ่งของตลาดที่ 10% โดยเฉพาะในกลุ่มทาวน์เฮาส์สูงสุด 21%

          ขณะนายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า ในไตรมาส 4 บริษัทมีโครงการใหม่แล้วเสร็จพร้อมโอน  มูลค่าโครงการ 2,350 ล้านบาท เนื่องจากสร้างเร็วกว่าแผนและลูกค้าตอบรับค่อนข้างมากเชื่อว่า แอลทีวี แม้จะกระทบบ้างแต่เชื่อว่า ลูกค้าน่าจะปรับตัวได้จากการเตรียมความพร้อม

          เช่นเดียวกับนายอธิปพีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ประเมินว่า ลูกค้าและผู้ประกอบการจะค่อยๆ ปรับตัวและกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับแบงก์ชาติคุมเงินดาวน์ แต่ช่วงระยะแรกอาจจะตื่นตระหนกบ้าง
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ