"อัลติจูด" อสังหาฯของนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ วางเป้าลุยโครงการในซีบีดีและกลางเมือง แผนปีหน้าเปิด 4 โครงการ กว่า 2,000 ล้านบาท พร้อมตอกย้ำกลยุทธ์ มุ่งโซนคู่แข่งน้อย รายใหญ่ไม่เล่น ไม่มีซัปพลายในโปรดักต์ที่จะเข้าไปทำตลาด และต้องเป็นพื้นที่มีเรียลดีมานด์จริง

          นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด บริษัทที่ถือเป็นนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ที่เข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงภาพรวมตลาด อสังหาริมทรัพย์ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2561 ว่า มีทิศทางการขยายตัวที่ดี ไม่เห็นสัญญาณแย่ เนื่องจากภาครัฐบาลมีการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ในหลายๆโครงการ ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 มีอัตราการเติบโตได้ในทิศทางที่ดี นอกจากนี้ ความชัดเจนในเรื่องจัดให้มีการเลือกตั้ง ส่งผลดีต่อนักลงทุนให้เกิดการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

          อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนและพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2562 โดยยังคงมุ่งพัฒนาที่อยู่อาศัยกลางเมืองทั้งแนวราบ และแนวสูง บนขนาดที่ดินไม่ใหญ่มาก เนื่องจากในปัจจุบันที่ดินในเมืองค่อนข้างหายากและจำกัด ซึ่งจะจับกลุ่มตลาดที่มีกำลังซื้อ(ดีมานด์)มาก นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เป็นโครงการที่มุ่งเจาะกลุ่มผู้ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่อายุยังน้อยที่ต้องการอยู่อาศัยในเมือง ทุกโครงการจะต้องลงสำรวจตลาด ควบคุมไปกับการวิจัย เพื่อให้สามารถเสนอราคาแข่งขันกับคู่แข่งได้ ไปทำเลที่ไม่มีซัปพลายในสินค้าที่จะเข้าทำตลาด คู่แข่งน้อย โดยจะให้ความสำคัญในเรื่องความต้องการซื้อเป็นหลัก เพื่อจะได้ออกแบบ(ดีไซน์)สินค้าให้ได้ตรงกับพฤติกรรมของลูกค้าที่ปรับเปลี่ยนตลอด และ แม้จะลงทุนพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ทาง อัลติจูด ก็ยังมุ่งตลาดที่รายใหญ่(คู่แข่ง)ไม่เอา

          "ปี 62 มีแผนเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท มีทั้งโครงการคอนโดฯ แนวราบ เปิดในทุกแบรนด์ มีที่ดินที่รองรับโครงการใหม่แล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในต้นปีหน้า จะมีโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี สูง 23 ชั้น มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท พร้อมวางกลยุทธ์ที่จะช่วยผลักดันให้ อัลติจูด ขึ้นแท่นเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ระดับ Top 3 ในเซกเมนต์ กลุ่มบ้านระดับลักชัวรี ราคา 20 ล้านบาท และโฮมออฟฟิศราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะเวลา 3 ปีต่อจากนี้ไป (2561-2563) บริษัทได้วางเป้าเปิดตัวโครงการมีมูลค่ารวมที่กว่า 7,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมความพร้อมที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าในปี 2563 จะเห็นความชัดเจน"

          ในส่วนของธุรกิจในปี 2561 บริษัทมีแผนพัฒนาและเปิดขายอีก 4 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 2 โครงการ ได้แก่ บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี ภายใต้แบรนด์ อัลติจูด มาสเตอรี่ พหลโยธิน 24 จำนวน 8 หลัง ใช้งบลงทุนกว่า 240 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 31-37.5 ล้านบาท  และโครงการ โฮมออฟฟิศ 1 โครงการ ได้แก่ โครงการอัลติจูด พรูฟ พระราม 9

          ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม จะเพิ่มอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการแนวสูง ภายใต้แบรนด์ อัลติจูด Symphony เจริญกรุง 1 ทำเลถนนจันทร์ ราคาขาย 1.8 แสนบาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) 1 อาคาร สูง 21 ชั้น จำนวน 99 ยูนิต ซึ่งจะเปิดรอบวีไอพีในเดือนธันวาคมนี้ และอีก 1 โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ เป็นแบรนด์ใหม่ ชื่อ อาสะ อยุธยาโรจนะ  เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ปัจจุบันมียอดขายไปแล้ว 70% จากทั้งหมด 242 ยูนิต มูลค่าโครงการ 330 ล้านบาท คาดจะเริ่มโอนได้ในเดือนพฤษภาคม 2562 สำหรับในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ามียอดขายที่ 2,000 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 1,750 ล้านบาท