"พีเอ็นเอ็น แค็ปปิตอล" สบจังหวะค่าเงินบาทแข็งค่า ดึงผู้บริหาร นักธุรกิจ นักลงทุน ซื้อห้องชุดโครงการคอนโดฯในแมนเชสเตอร์ อังกฤษ นำโครงการ Elizabeth Tower และ Victoria Residence มาทำกิจกรรมการขาย ทั้งแบบรายยูนิตและขายยกตึก

          นางสาวเสาวรัตน์ บรรยงพัฒนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเอ็นเอ็น แค็ปปิตอล จำกัด เป็นบริษัทให้คำปรึกษาด้านการซื้อ-ขาย ควบรวมธุรกิจ โดยมีผู้เชี่ยวชาญและชำนาญในสาขานี้มากกว่า 10 ปี พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ โดยทำโครงการนำร่องโครงการคอนโดมิเนียม Elizabeth Tower และ Victoria Residence คอนโดมิเนียม ลักชัวรี ที่อยู่ในเมืองแมนเชสเตอร์ ในประเทศอังกฤษ เนื่องจากเป็นเมืองที่รัฐบาลอังกฤษส่งเสริมและผลักดันให้เป็นเมืองเศรษฐกิจแห่งใหม่ ผ่านการลงทุนระบบสาธารณูปโภค และมีการขยายตัวของธุรกิจขนาดใหญ่ เช่น ธุรกิจด้านเทคโนโลยี ธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ และบริษัท Start up จำนวนมาก

          โดยทางบริษัทเตรียมเปิดให้ลูกค้าวีไอพี ซึ่งเป็นกลุ่มนักธุรกิจ หรือเจ้าของธุรกิจ จองโครงการในวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่โรงแรม เชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท โดยจะนำ 40 ยูนิต ซึ่งบริษัทได้โควตาในโครงการ Elizabeth Tower มาทำการตลาด โดยตัวโครงการจะมี 484 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 15 ล้านบาท มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ขนาดห้องพักเริ่มต้นที่ 50 ตารางเมตร (ตร.ม.) จะอยู่ที่ 10.3 ล้านบาท ทั้งนี้ในวันงานจะมีโปรโมชันส่วนลดแล้วแต่ขนาด เช่น 1 ห้องนอน ส่วนลด 1% จนไปถึง 3% สูงสุดไม่เกิน 4 แสนบาท ล่าสุดในเรื่องของยอดขาย ขณะนี้มีการจองมาจากสาขาในประเทศสิงคโปร์แล้ว 3 ยูนิต และคาดว่าในงานจะมียอดเข้ามาอีก 6-7 ยูนิต และภายใน 1 ปี จะมียอดเข้ามาเพิ่มอีก 10 ยูนิต รวมแล้วจะมียอดขายคิดเป็น 50% ของจำนวนยูนิตที่ได้สิทธิ์ในการบริหาร

          "แนวโน้มค่าเงินบาทของไทย ยังอยู่ในระดับที่แข็งค่า และได้ประโยชน์จากการเข้าไปลงทุนซื้อห้องชุดในแมนเชสเตอร์ ซึ่งเป็นเมืองที่กำลังเติบโตอย่างมาก ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลอังกฤษที่จะสร้างเมืองใหม่ ทำให้การส่งเสริมเรื่องภาษี และระบบอินฟราสตรักเจอร์จำนวนมาก ก็คล้ายๆ กับนโยบายของรัฐบาลไทย ที่จะให้โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เกิดขึ้น เนื่องจากและในระยะ 5 ปีข้างหน้า ในแมนเชสเตอร์ จะมีประชากรที่มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และตำแหน่งงานอื่นๆ เข้ามาอีก 55,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัย และเป็นโอกาสในการหารายได้จากค่าเช่า รวมถึงรองรับการส่งบุตรหลานไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวจะสามารถคืนทุนประมาณ 22.8% ภายใน 5 ปี และมีผลตอบแทนการเช่าต่อปีประมาณ 7% ผลกำไรเติบโตกว่า 20% ส่วนของโครงการ Victoria Residence จะเป็นรูปแบบการขายยกอาคาร มีจำนวน 200 ยูนิต ซึ่งทางบริษัทจะเดินทางพบกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ในช่วงกลางเดือน ธ.ค.หน้า เพื่อนำเสนอข้อมูล เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูงถึง 3,000 ล้านบาท"

          สำหรับในเรื่องการควบรวมธุรกิจนั้น อยู่ระหว่างเจรจาการซื้อขายโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งโรงงานได้ดำเนินการแล้ว คาดว่ามูลค่าน่าจะสูง เมื่อเทียบกับดีลแรกที่บริษัทประสบความสำเร็จเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในการซื้อขายใบอนุญาตโรงไฟฟ้าชีวมวลที่จังหวัดแพร่มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท