MJDตุนแบ็กล็อก1.8หมื่นล้าน ทยอยบันทึกรายได้ยาวถึงปี64
Loading

MJDตุนแบ็กล็อก1.8หมื่นล้าน ทยอยบันทึกรายได้ยาวถึงปี64

วันที่ : 17 ตุลาคม 2561
MJD ตุนแบ็กล็อกกว่า 18,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ยาวถึงปี 2564 มั่นใจรายได้รวมปีนี้โตกว่าปีก่อน พร้อมย้ำยอดขายปีนี้มาตามนัด 30,000 ล้านบาท
          MJD ตุนแบ็กล็อกกว่า 18,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ยาวถึงปี 2564 มั่นใจรายได้รวมปีนี้โตกว่าปีก่อน พร้อมย้ำยอดขายปีนี้มาตามนัด 30,000 ล้านบาท

          นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 18,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2564 และในช่วงไตรมาส 4/2561 บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมเสร็จใหม่ จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการ มาเอสโตร 07 อนุสาวรีย์ชัยฯ มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท จำนวน 171 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันปิดการขายแล้ว 100% จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป

          นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 4/2561 บริษัทยังมีการรับรู้รายได้จากโครงการที่ส่งมอบต่อเนื่อง เช่น โครงการ เอ็ม จตุจักร (M Jatujak) เป็นโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 864 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 4,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 80% ซึ่งเป็นยอดขายจากลูกค้าต่างชาติเกือบ 2,000 ล้านบาท คาดว่าภายในปีนี้จะโอนกรรมสิทธิ์ได้ประมาณ 70% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท

          สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ บริษัทยังคงมั่นใจจะเติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,410 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้รวมแล้ว 2,791 ล้านบาท โดยจะมาจากการทยอยส่งมอบโครงการอย่างต่อเนื่อง และบริษัทเตรียมจะประกาศงบไตรมาส 3/2561 ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้

          ขณะที่ยอดขาย (Presale) ในปีนี้ บริษัทยังคงมั่นใจจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 30,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงไตรมาส 1-3 ของปีนี้ ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง และในช่วงไตรมาส 4/2561 บริษัทคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2561 เช่นกัน ซึ่งจะมาจากการจัดแคมเปญทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง

          นางสาวเพชรลดา กล่าวอีกว่า บริษัทยังเร่งรุกตลาดต่างชาติ โดยจัดตั้งทีม International Business ขึ้น เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีน ฮ่องกง และไต้หวัน ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่มีกำลังซื้อ และตั้งเป้ายอดขายตลาดต่างชาติปีนี้ที่ 2,500 ล้านบาท เติบโต 30% จากปี 2560

          "มาตรการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีมาตรการออกมา เพื่อควบคุมการปล่อยสินเชื่อในการขอซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อบริษัทแต่อย่างใด เพราะบริษัทเน้นพัฒนาโครงการ เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ และกลุ่มนักลงทุน ที่ไม่ใช่นักเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบริษัทเก็บเงินจองสัญญา (ดาวน์) ที่ประมาณ 25% อยู่แล้ว เพื่อคัดกรองลูกค้า ซึ่งเป็นการทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อ (reject rate) ของบริษัทอยู่ในระดับที่ต่ำ" นางสาวเพชรลดา กล่าว
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ