พระโขนง-เอกมัย ฮอต ตลาดเช่าโตรับต่างชาติ
Loading

พระโขนง-เอกมัย ฮอต ตลาดเช่าโตรับต่างชาติ

วันที่ : 17 ตุลาคม 2561
"พระโขนง-เอกมัย" เป็นอีกหนึ่งทำเล ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอสังหา ริมทรัพย์ ไม่ว่าจะชาวไทยและต่างชาติที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและปล่อยเช่า โดยผลตอบแทนการปล่อยเช่าและแคปปิตอลเกนค่อนข้างสูงในโซนนี้ เนื่องจากเป็นตลาดเช่าคอนโดมิเนียมที่สำคัญมีแนวโน้มความต้องการเช่าของกลุ่มชาวต่างประเทศที่มาทำงานในเมืองไทยเพิ่มขึ้น
          อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

          "พระโขนง-เอกมัย" เป็นอีกหนึ่งทำเล ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอสังหา ริมทรัพย์ ไม่ว่าจะชาวไทยและต่างชาติที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและปล่อยเช่า โดยผลตอบแทนการปล่อยเช่าและแคปปิตอลเกนค่อนข้างสูงในโซนนี้ เนื่องจากเป็นตลาดเช่าคอนโดมิเนียมที่สำคัญมีแนวโน้มความต้องการเช่าของกลุ่มชาวต่างประเทศที่มาทำงานในเมืองไทยเพิ่มขึ้น

          ทั้งนี้ เนื่องจากราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องทำให้ราคาคอนโดมิเนียมในโซนพร้อมพงษ์-ทองหล่อ อยู่ในระดับราว 3 แสนบาท/ตารางเมตร (ตร.ม.) ส่งผลให้อัตราค่าเช่าอยู่ในระดับสูง ดังนั้น ตลาดผู้เช่าจึงย้ายมาโซนพระโขนงเอกมัย มากขึ้น ซึ่งอัตราค่าเช่าต่ำกว่าย่าน พร้อมพงษ์-ทองหล่อ ประมาณ 20-30% ราคาค่าเช่าเฉลี่ย 800-1,000 บาท/ตร.ม./เดือน ซึ่งทำให้มีผลตอบแทนการปล่อยเช่าอยู่ที่ 6-7% ส่วนพร้อมพงษ์-ทองหล่อ ผลตอบแทนการปล่อยเช่าอยู่ 4%

          พรชัย เลิศอนันต์โชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ เปิดเผยว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ย่านศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี) สุขุมวิท นั้น ตลาดยังดีและเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนโครงการสาธารณูปโภคจากภาครัฐ โดยปีหน้าจะเห็นความชัดเจนโครงการรถไฟฟ้าและทางด่วนอีกหลายสาย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ภาคอสังหาฯ เติบโตตาม

          ขณะเดียวกัน มองว่ากำลังซื้อยังไปได้ดีต่อเนื่อง แม้จะมีมาตรการจากแบงก์ชาติออกมา ทั้งนี้มองว่าจะเป็นผลดีในระยะยาวเพราะเป็นการคัดกรองผู้ซื้อระดับหนึ่ง ซึ่งจะไม่เป็นปัญหาต่อการโอนกรรมสิทธิ์ โดยเห็นว่ามาตรการที่จะออกมาจะสร้างความกังวลในระยะสั้นเท่านั้น อีกทั้งผู้บริโภคจะปรับตัวได้ในที่สุด

          สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้น ยังคงวางแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่อย่างต่อเนื่อง บนทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทเป็นหลัก ซึ่งให้ความสำคัญในการเป็นคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนเมืองได้เป็นอย่างดี โดยในปีนี้บริษัทประสบความสำเร็จกับโครงการไอคอน สุขุมวิท 77 ขณะนี้มียอดขายแล้ว 80% เป็นการซื้อเพื่อลงทุน 60% และซื้ออยู่อาศัย 40%

          พร้อมกันนี้ ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการ เวอร์เทียร์ เป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ 31 ชั้น 1 อาคาร ขนาดห้องเริ่มตั้งแต่ 1 ห้อง 1 พื้นที่ 28-42 ตร.ม. ขนาด 2 ห้อง พื้นที่ 48-52 ตร.ม. และ 3 ห้อง พื้นที่ 86 ตร.ม. จำนวนรวม 227 ยูนิต และที่จอดรถอัจฉริยะใต้ดิน 6 ชั้น บนพื้นที่กว่า 1 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 2,500 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีพระโขนง เพียง 50 เมตร

          สำหรับโครงการดังกล่าวจะเปิดให้จองรอบวีวีไอพีเดย์ ในวันที่ 3-4 พ.ย.นี้ ในราคาขายเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 2.3 แสนบาท/ตร.ม. ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับส่วนลด มูลค่าสูงสุด 2 แสนบาท คาดว่าสิ้นปีจะสามารถปิดการขายได้ 60% ปัจจุบันมียอดจองผ่านการลงทะเบียนแล้ว 50% คาดจะปิดการขายทั้งโครงการในกลางปี 2562

          พรชัย กล่าวว่า ในปี 2562 บริษัทมีแผนเปิดอีกราว 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3,000 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ และแนวราบ 1 โครงการ โดยทำเลยังเน้นแนวรถ ไฟฟ้าสายสีเขียวทำเลกลางใจเมืองตั้งแต่สถานีพร้อมพงษ์ไปจนถึงอ่อนนุช ซึ่งอาจใช้แบรนด์ใหม่ ปัจจุบันบริษัทมี 4 แบรนด์คือ แบรนด์เอช สุขุมวิท และแบรนด์ไอคอน ระดับราคาประมาณ 1 แสนบาท/ตร.ม. บวกหรือลบ แบรนด์วีธารา ระดับราคาประมาณ 1.5 แสนบาท/ตร.ม. และแบรนด์เวอร์เทียร์ ระดับราคาประมาณ 2 แสนบาท/ตร.ม.

          ในส่วนของโครงการแนวราบนั้น จะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว 4 ชั้น 20 ยูนิต มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท ราคาขาย 25-35 ล้านบาท ทำเลสุขุมวิท ซึ่งจะเปิดตัวปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า

          นอกจากนี้ ยังได้มีการศึกษาตลาดอสังหาฯ เพื่อสร้างรายได้ระยะยาว เช่น โรงแรมทำเล สุขุมวิท พญาไท เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ขนาด 200 ห้องพัก อัตราค่าพัก 3,000-4,000 บาท/วัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเลือกเชนโรงแรมจากต่างประเทศเข้ามาบริหาร

          "บริษัทจะเลือกทำเลเพื่อพัฒนาโครงการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อทั้งในด้านการให้ ผลตอบแทน รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ทรัพย์สินในอนาคต ซึ่งต้องเป็น โปรดักต์คุณภาพในราคาที่จับต้องได้ อีกทั้งยังมีพาร์ตเนอร์ที่ดูและบริหารการเช่าให้ ทั้งนี้ใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทได้วางสัดส่วนรายได้จากการขาย 90-95% อสังหาฯ เช่า 5-10% สำหรับปีนี้คาดว่าจะมียอดขาย 1,800 ล้านบาท และรับรู้รายได้ที่ 2,300 ล้านบาท" พรชัย กล่าว

          อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2562 เพื่อระดมทุนราว 2,000 ล้านบาท สำหรับซื้อที่ดินในการพัฒนาโครงการในอนาคต รวมทั้งการศึกษาแนวทางร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติ ซึ่งขณะนี้มีบริษัทจากญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ให้ความสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนทั้งเรื่องของเงินลงทุนและโนว์ฮาว คาดว่าปลายปี 2562 จะมีความชัดเจน
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ